คืนสุขผัน วันทุกข์ผ่านของ ก้อย รัชวิน
หากเอ่ยชื่อ ก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ หลายคนคงนึกถึงสาวตากลม หน้าตาบ้องแบ๊ว ที่มีความสามารถทางด้านการแสดงได้อย่างมืออาชีพ และนอกจากเรื่องงานแล้ว โมงยามนี้ เธอยังถูกจับตามองในเรื่องความรัก โดยเฉพาะกับศิลปินมาดเซอร์ เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ ที่ตอนนี้เธอขอเบรกความสัมพันธ์ไว้ชั่วคราว เนื่องจากต้องการโฟกัสกับการทำงาน ว่าแล้วมาค้นหาตัวตนของเธอกันเลย...
งานในวงการบันเทิง กับกระแสหนังเรื่อง October Sonata รักที่รอคอย เป็นอย่างไรบ้าง
เป็น กระแสอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ได้รับคำชมค่อนข้างเยอะ กระแสค่อนข้างดี แต่ว่าจะประทับใจมาก ประทับใจน้อย มันก็มีแตกต่างกันไป แต่ยังไม่มีเสียงในทางลบ
เรื่องนี้ถือว่าเป็นงานที่ยากสำหรับก้อยไหม
ก้อย ว่าเป็นบทที่ยากที่สุด เท่าที่ก้อยเป็นนักแสดงเลยก็ว่าได้ มันเป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่ง เพราะต้องเล่าเรื่องตั้งแต่อายุ 17 ถึง อายุ 50 กว่า มันมีการพัฒนาตัวละครที่มีการเปลี่ยนไปตามกาลเวลา มีความซับซ้อนทางอารมณ์ของผู้หญิงคนหนึ่งจากวัยสาวสู่วัยกลางคน ซึ่งมันยาก แล้วรื่องนี้เป็นดราม่าที่ค่อนข้างหนัก เราก็ต้องทำการบ้านหนักเช่นกัน
ในเรื่องนี้มีฉากเลิฟซีนด้วย
คือคนที่ไปดูแล้ว ก็จะพบว่าเป็นภาพที่สวยงาม ไม่ได้น่าเกลียด ถ้าดูหนังจะเข้าใจ ว่าซีนนี้มันมีเพื่ออะไร คือการถ่ายทอดความรักระหว่างหญิงสาวกับชายหนุ่มที่ไม่เจอกันมานานแสนนาน แต่มันก็เป็นซีนสั้นๆ ไม่ได้เยอะมากอะไร
สำหรับก้อยคิดว่าเลิฟซีนในหนังสำคัญไหม
ตรงนี้ ก้อยต้องคุยกับผู้กำกับ ถ้าก้อยทราบว่ามันไม่สำคัญสำหรับเรื่อง แน่นอนก้อยไม่เล่นอยู่แล้ว เพราะเราจะต้องมาเปลืองตัวกับเรื่องตรงนี้ทำไม แต่ว่าเมื่อคุยแล้วก็เข้าใจ แล้วก็เห็นทิศทางว่ามีที่มาที่ไป ก็โอเค
ขอบเขตในการเล่นเลิฟซีน
ก้อยมีขอบเขตในการรับเล่นเหมือนกัน คือประมาณในเรื่องนี้ ก็ถือว่าเยอะที่สุดแล้ว
งานละครเรื่อง "ปีศาจแสนกล"
เรื่องนี้ปิดกล้องไป แล้ว สนุก น่าจะได้ดูกันต้นปีหน้า ก็อยากให้คนดูนะ เพราะมันเป็นคอมเมดี้ แล้วเนื้อเรื่องน่ารัก สอดแทรกข้อคิด ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว อะไรประมาณนี้
ถือว่าเป็นนางเอกเต็มตัวครั้งแรกกับงานละคร
ตื่นเต้นนะ แล้วก็กลัวเหมือนกันนะ เพราะก้อยก็ยังไม่เก่งมาก ทางด้านคอมเมดี้ ต้องให้พี่ๆ ช่วยสอน แต่ก็ทำให้เต็มที่ที่สุด
ตอนนี้ถือว่าเป็นสาวฮอตที่มีทั้งงานหนังและงานละคร
ก้อย ดีใจนะที่ทุกวันนี้ ก้อยยังมีผลงานอย่างต่อเนื่อง ยังได้ทำงานที่ตัวเองรัก ยังมีคนให้ความเมตตา มีผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน อย่างเรื่องอื่นๆ เรื่องข่าวอะไรก็ตาม เป็นสิ่งที่เราต้องรับมือกับมันอยู่แล้ว
กดดันกับความว่า "นางเอก" ไหม
ก้อยขอใช้คำว่านัก แสดงดีกว่า เพราะว่าก้อยไม่ได้คิดว่าตัวเองมีภาพความเป็นนางเอกขนาดนั้น คนที่ก้อยมอง ว่าเป็นนางเอก คือ พี่แอน ทองประสม พี่อ้อม (พิยดา จุฑารัตนกุล) เขาอยู่ในจุดที่ทำงานในวงการบันเทิงมานาน เป็นคนวางตัวดีมาตลอด เราเองยังเด็ก เรายังต้องพัฒนาฝีมือ ต้องมีประสบการณ์มากกว่านี้ เพียงแต่เราได้รับบทบาทเป็นนางเอกเท่านั้นเอง ก้อยขอใช้คำว่าเป็นนักแสดงก่อน ก่อนที่จะก้าวมาเป็นนางเอกเต็มตัวอย่างที่หลายๆ คนเรียก
ชื่อเสียงที่มาพร้อมๆ กับข่าวฉาว
เคยคิดไหมว่าวันหนึ่งจะมีชื่อเสียงโด่งดังขนาดนี้
ไม่ เคยคิด หรือว่ารู้สึกอะไรกับตรงนั้น อาจจะเป็นเพราะก้อยไม่ค่อยได้เสพสื่อด้วย ก้อยอยู่ในโลกของการทำงาน ตื่นมาทำงานถ่ายละคร เลยไม่รู้ว่าโลกภายนอกเป็นยังไง คือเราก็ทำงานของเราให้ดีที่สุด ถ้ามีคนชอบมีคนสนใจ ก็เป็นกำไรให้ชีวิตเรา
หลายคนบอกว่าชื่อเสียงมาเร็ว อาจจะไปเร็ว ถ้ารักษาไว้ไม่ดี
เรา ก็คงต้องพิสูจน์ตัวเอง ก้อยว่าคนที่จะอยู่ตรงนี้ได้นาน รู้จักปรับตัวให้เข้ากับการทำงานในตรงนี้ แล้วก็พยายามที่จะพัฒนาฝีมือในการทำงาน ในการแสดงของตัวเองต่อไป คงไม่มีใครที่จะอยู่ได้ด้วยข่าว เพราะข่าวมันมาไวไปไวอยู่แล้ว สุดท้ายแล้วเมื่อวันหนึ่งเรื่องส่วนตัวของคุณไม่เป็นที่น่าสนใจ สิ่งที่คนจะให้การยอมรับคือฝีมือ
จำเป็นไหมที่ต้องระมัดระวังตัว
ก้อยเองเป็นตัวของ ตัวเองมากกว่า เรารู้ตัวว่าเราไม่ได้ทำเรื่องอะไรเสียหาย เราก็ยังใช้ชีวิตปกติของเราเอง เราไม่ได้คิดว่าการที่มาอยู่ตรงนี้แล้ว จะทำให้เราไม่สามารถทำตรงนั้นตรงนี้ได้ ไม่อยากเอาชื่อเสียงมาทำร้ายความเป็นส่วนตัวของเราไป เรารู้ว่าเรามีจุดยืนของเราอยู่ตรงไหน เราก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่คนอื่นด้วย
รู้สึกอย่างไรที่ข่าวฉาวๆ ทำให้ดาราหลายคนเป็นที่รู้จัก ทำให้มีชื่อเสียง
อัน นี้มันก็เป็นวิจารณญาณของแต่ละคน บางทีเขาอาจจะไม่ตั้งใจที่จะมีข่าวเสียๆ หายๆ ก็ได้ แต่มันเป็นเรื่องที่ข่าวออกมาเอง แล้วมันเป็นอะไรที่ขายได้ แล้วคนสมัยนี้ ชอบเสพข่าวอะไรที่อื้อฉาว หรือเรื่องไม่ดี มันขายได้ มันก็เลยมีข่าวอยู่มาเรื่อยๆ จริงๆ ตัวนักแสดงเองเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ได้ แต่สำหรับตัวก้อยเองมองว่ามันกลายเป็นวัฒนธรรมสื่อของเราไปแล้ว ที่เป็นแบบนี้ แต่ส่วนตัวก้อยไม่เคยคิด ว่าจะเอาเรื่องข่าวมามีชื่อเสียงขึ้นมา มันไม่คุ้มที่จะแลกกัน
คิดอย่างไรที่มีคนมองว่าวงการนี้เป็นดาบสองคม
ตอน นี้ก้อยอยู่วงการมาประมาณ 4 ปี ก้อยว่าทุกอย่างในวงการ หรืออาชีพต่างๆ ล้วนมีดาบสองคมอยู่แล้ว มีดีก็ต้องมีร้าย อยู่ที่ว่าเราจะเลือกมองมุมไหน ถ้าอยู่ตรงนี้ เราได้ทำสิ่งที่เรารัก ได้ทำในสิ่งที่เรามีความสุข เราซื่อสัตย์กับงานอย่างจริงจัง มันก็คุ้มที่เราจะอยู่ตรงนี้ เราได้ประสบการณ์อะไรหลายๆ อย่าง ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน เราโชคดีกว่าหลายๆ คนที่เขาไม่มีตรงนี้นะ แต่แน่นอนมันก็มีสิ่งที่ต้องแลก เรื่องความเป็นส่วนตัว อาจจะหายไป หรืออะไรหลายๆ อย่างที่จะเข้ามา เราก็ต้องรับมือกับมันให้ได้ แต่ก็ทำให้เราโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และเข็มแข็งขึ้น
อยู่วงการมา 4 ปีแล้ว วางแผนชีวิตในวงการไว้อย่างไรบ้าง
คง ทำงานตรงนี้ต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ จนถึงวันหนึ่งอาจจะมาทำงานเบื้องหลัง เราคงไปทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้แล้วล่ะ เพราะเราเรียนมาทางด้านนี้ แล้วเราก็ชอบทางด้านนี้ ก้อยอยากเป็นแอ็กติ้งโคส ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเรียนด้านนี้โดยตรง แล้วก็กลับมาทำงานด้านนี้
หัวใจที่อึมครึม
ความสัมพันธ์กับ "เป้" อารักษ์ อมรศุภศิริ ณ ตอนนี้
เหมือนเดิมอย่างที่พูดไป ยังคิดที่จะโฟกัสเรื่องงานอยู่ เรื่องหัวใจขอเบรกไว้สักพักหนึ่ง
ใช้คำว่าเลิกได้ไหม
คือเราถอยห่างออกมาคนละก้าว แต่เราไม่ได้หันหลังให้กัน คือหลายสื่ออาจจะตีความไปหลากหลายประเด็น คนก็มองได้หลายๆ มุม แต่เราไม่ได้หันหลังให้กัน ทุกวันนี้เราก็ยังคุยกันอยู่
เหมือนจะลองใจกันหรือเปล่า ถ้าห่างกันจะเป็นอย่างไร
มันเป็นไปตามความสัมพันธ์มากกว่า เป็นเรื่องปกติของทุกคู่ ที่อาจจะต้องมีช่วงเวลาที่ต้องห่างกัน
มีโอกาสจะกลับมาเหมือนเดิมไหม
อันนี้ไม่ทราบจริงๆ เป็นเรื่องของอนาคต คือตอนนี้คุยกัน แต่ว่าไม่ได้บ่อยมาก เพราะมันอยู่ในช่วงเบรกอยู่
แล้วช่วงเบรกแบบนี้ มีหนุ่มๆ เข้ามาเจ๊าะแจ๊ะบ้างไหม
มัน ก็มีบ้าง แต่เข้ามาในลักษณะเป็นเพื่อนมากกว่า ก้อยว่าคนยังไม่กล้าเข้ามาหาก้อยเต็มๆ เพราะเราเองก็อยู่ในช่วงที่เราอยากโฟกัสกับงาน ยังไม่พร้อมที่จะเปิดรับใครมากเท่าไหร่
แล้ว ณ ตอนนี้จะเรียกว่าโสดหรือไม่โสด
ตอนนี้เบรกเรื่องความรัก เรื่องนี้มันพูดยาก บางทีมันมีบางอย่างที่เราก็ไม่รู้จะอธิบายให้ฟังยังไง
ตอนนี้มุมมองความรักเปลี่ยนไปไหม
อาจจะต้องมองโลก ในความเป็นจริงบ้าง คือต้องให้เวลากับความสัมพันธ์ แต่ก่อนเราอาจจะมองเรื่องความรัก ให้ความสำคัญกับเรื่องความรักมาเป็นต้นๆ แต่ตอนนี้เราอาจจะให้ความสำคัญกับงาน หรือ กับครอบครัวมาก่อนมากกว่า
ตอนเด็กๆ เรามองโลกเป็นสีชมพู เห็นอะไรก็นึกถึงเขา ทำอะไรเพื่อเขา ก็เป็นความรักวัยเด็ก สร้างวิมานในอากาศ แต่มันก็จะเพ้อๆ นิดหน่อย พอเราโต เราผ่านตรงนั้นมา เราก็มองในโลกความเป็นจริงมากขึ้น ทุกวันนี้อยู่ในโลกความเป็นจริง ไม่ได้คาดหวังอะไรกับอนาคต ไม่ได้วาดหวัง ว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ถึงได้บอกว่าอนาคตมันไม่แน่นอน เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าสุดท้ายจะเป็นยังไง
แสดงว่าค่อนข้างเป็นคนจริงจังกับเรื่องความรัก
ก้อยจริงจังทุกเรื่อง เราให้ความสำคัญกับทุกเรื่อง เป็นคนคิดเยอะ แต่ไม่ใช่คิดมากถึงขนาดฟุ้งซ่าน หากแก้ไขอะไรในอดีตเกี่ยวกับเรื่องความรักได้ ก้อยอยากแก้ไขอะไรบ้าง
คง อยากจะทำให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้นมากกว่านี้ เพราะที่ผ่านมาเราอาจจะอ่อนแอกับมันมากไป แต่มันก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือ ทำตัวเองให้เข็มแข็งมากที่สุด และกลับมาให้เร็วที่สุด
เคยคิดไหมว่าจะแต่งงานอายุเท่าไหร่
เคยคิดว่าจะ แต่งงานอายุ 25 นี่ก็ 25 แล้ว ยังหาคู่ชีวิตไม่ได้เลย (หัวเราะ) ตอนนั้นเป็นเรื่องเด็กๆ ที่คิด มันก็คือการวางแผนในวัยเด็ก แต่ตอนนี้ชีวิตมันเปลี่ยนไปได้ทุกวินาที เราทำตัวเองให้ดีในวันนี้ เพื่ออนาคตในวันข้างหน้าดีกว่า
...นี่แหละ "ก้อย" รัชวิน