หัวจะปวด ค้างจ่ายค่าเช่าบ้านเกือบ 1 ปี หมดสัญญาไม่ย้ายออก ซ้ำขู่ฟ้องเจ้าของบ้านบุกรุก
เจ้าของบ้านหัวจะปวด ผู้เช่าค้างจ่ายเงินค่าเช่าเกือบ 1 ปี ตึมึน ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ไม่ย้ายออก ซ้ำขู่แจ้งข้อหาบุกรุกกับเจ้าของบ้าน
จากกรณีเพจ “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part5.2” เผยแพร่เรื่องราวของผู้เช่าบ้านรายหนึ่ง ภายในซอยเอกชัย 109 กทม. ไม่จ่ายค่าเช่าบ้าน หมดสัญญาเช่ามาเป็นปี เจ้าของบ้านขอให้ย้ายออก แต่ผู้เช่ากลับไม่ยอมย้ายออก แถมท้าทายให้เจ้าของบ้านไปฟ้องร้อง พร้อมขู่กลับว่าจะแจ้งข้อหาบุกรุกกับเจ้าของบ้าน
ล่าสุด วันนี้ 5 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่และติดต่อไปยังเจ้าของบ้านเช่าหลังดังกล่าวเพื่อสอบถามข้อมูล โดยเปิดเผยว่า ตนเองปล่อยบ้านให้ผู้เช่ารายหนึ่งเช่า สัญญาเริ่มตั้งแต่ประมาณปี 2562 ซึ่งในช่วงแรกผู้เช่ายังคงจ่ายค่าเช่าบ้านตามปกติ แต่ก็มีบางช่วงที่จ่ายล่าช้าไปบ้าง ซึ่งตนเองก็อะลุ่มอล่วยให้ เพราะเข้าใจว่าอาจจะประสบปัญหาทางด้านการเงินจากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาด
แต่พอมาเข้าปีที่ 3 ในการเช่า คือปี 2565 ผู้เช่าค้างค่าเช่าบ้านหลายงวด และตนมองว่าผู้เช่าน่าจะไม่สะดวกในการอยู่ที่นี่แล้ว ตนจึงได้เสนอกับผู้เช่ารายดังกล่าวไปว่าให้ไปหาที่เช่าใหม่ที่ถูกลง จะได้ไม่ต้องมาเครียดกันทั้งสองฝ่าย แต่ผู้เช่ายืนยันว่ายังจะอยู่ต่อ กำลังจะหาซื้อบ้านใหม่ขอเวลาอยู่ต่อก่อน ซึ่งตนก็โอเค เพราะดูเหมือนมีกรอบระยะเวลาชัดเจน
จนกระทั่ง หมดสัญญาเช่า เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2565 ผู้เช่าก็ยังยืนยันว่าจะยังไม่หาที่อยู่ใหม่ และจะอยู่ที่บ้านหลังเดิม โดยให้เหตุผลว่า ยังหาที่อยู่ที่เหมาะสมไม่ได้ และสะดวกที่จะอยู่ที่เดิม ซึ่งตนเองพยายามเจรจาด้วยดีกับผู้เช่ามาตลอด จนกระทั่งเดือนกรกฎาคม ปี 2565 ตนเองทนไม่ไหว ให้ทนายความทำใบแจ้งเตือน เพื่อแจ้งรับผู้เช่ารับทราบ แต่ก็ไม่เป็นผล
ตนเองจึงไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ที่ สน.แสมดำ ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจก็เรียกผู้เช่ารายดังกล่าวเพื่อจะเข้ามาไกล่เกลี่ยกัน แต่ทางฝั่งของผู้เช่าก็ไม่มา ตนเองจึงตัดสินใจฟ้องร้อง ซึ่งได้แจ้งให้ผู้เช่ารับรู้ตลอดว่าจะดำเนินการฟ้องร้อง ทันทีที่ผู้เช่ารู้นั้น ก็บอกกับตนเองว่า ในเมื่อจะฟ้องร้อง ก็ให้ฟ้องมาเลย ในระหว่างการฟ้องร้อง ก็จะไม่ไปหาที่อยู่ใหม่ และอยู่ที่บ้านหลังเดิม
และในบางครั้งที่ตนเองไปเจรจาที่บ้านเช่าหลังดังกล่าว ทางผู้เช่าก็มีการพูดกลับมาว่า หากบุกรุกเข้ามาภายในบ้าน ก็จะแจ้งความกลับตนกันในข้อหาบุกรุก
ทั้งนี้ ยอมรับว่า ในระหว่างที่ผู้เช่ารายนี้อาศัยอยู่ในบ้านโดยไม่จ่ายค่าเช่าบ้านนั้น ทำให้ตนเองเสียโอกาส แทนที่จะได้ปล่อยบ้านเช่าให้คนอื่นที่เหมาะสมกว่า กลับกลายเป็นต้องมาแบกรับภาระเอง ซึ่งทำให้สูญเสียรายได้ไปจำนวนหลายบาท
พร้อมกับยืนยันว่าที่ออกมาพูดในประเด็นนี้นั้นเพียงต้องการ ให้ผู้เช่ารายดังกล่าว ย้ายออกจากบ้านไปเท่านั้น และเตือนเป็นอุทาหรณ์ เพราะไม่อยากให้เกิดขึ้นกับเจ้าของบ้านรายใดอีก
ต่อมา ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังบ้านจุดเกิดเหตุหลังดังกล่าว อยู่ภายในหมู่บ้านพระปิ่น 5 แยก 9 ซอยเอกชัย 109 ถนนเอกชัย แขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพ พบว่ามีรถยนต์เก๋ง สีบรอนซ์ทองจอดอยู่ 1 คัน ประตูรั้วปิดสนิท ด้านในเปิดประตูและหน้าต่างคาดว่าตัวคู่กรณีพักอยู่ด้านใน ทางผู้สื่อข่าวได้พยายามเรียก และกดกริ่งเพื่อจะสอบถามถึงสาเหตุดังกล่าว แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับแต่อย่างใด จากการสอบถามเพื่อนบ้านใกล้เคียงให้ข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุที่พักอาศัยบ้านหลังดังกล่าวไม่ชอบสุงสิงกับใคร มักอยู่เพียงลำพังอีกด้วย