"พุฒ" มีลูกแล้วอ่อนไหวง่าย ซึ้งใจ "จุ๋ย" เป็นแม่ผู้เสียสละ เล่าสาเหตุผ่าข้อเท้าด่วน

"พุฒ" มีลูกแล้วอ่อนไหวง่าย ซึ้งใจ "จุ๋ย" เป็นแม่ผู้เสียสละ เล่าสาเหตุผ่าข้อเท้าด่วน

"พุฒ" มีลูกแล้วอ่อนไหวง่าย ซึ้งใจ "จุ๋ย" เป็นแม่ผู้เสียสละ เล่าสาเหตุผ่าข้อเท้าด่วน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เริ่มต้นปีใหม่มีเรื่องให้เจ็บตัวทันทีเลย สำหรับพระเอกหนุ่ม พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน ที่ทนยื้ออาการบาดเจ็บกระดูกร้าวบริเวณข้อเท้า มานานร่วม 2 ปี หลังจากละครปิดกล้องเคลียร์คิวงานเสร็จเรียบร้อย จึงได้ฤกษ์เข้ารับการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดทันที

เมื่อ sanook.com มีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าตัว ทั้งเรื่องการมาร่วมงานกับทางช่อง 3HD ในละครเรื่อง ที่สุดของหัวใจ ประกบคู่นางเอกสาว แพทริเซีย กู๊ด ครั้งแรกด้วย ซึ่งเป็นละครโรแมนติกดราม่าครบรส เตรียมออนแอร์ให้ได้ชมกันแล้ว พร้อมทั้งอัปเดตชีวิตหลังเป็นคุณพ่อลูกอ่อนเต็มตัว คอยช่วยภรรยาสุดที่รัก จุ๋ย วรัทยา เลี้ยงลูกชายตัวน้อย น้องพีร์เจ วัยเพียง 2 เดือน และไม่พลาดสอบถามสาเหตุอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า 

การมาร่วมงานกับช่อง 3HD ?

“เป็นการกลับมาร่วมกับช่อง 3 อีกครั้งนึง คือก่อนหน้ามีโอกาสร่วมงานช่อง 3 แต่ครั้งนี้กลับมาร่วมงานกับช่อง 3 เต็มตัวได้เป็นพระเอก เป็นละครหลังข่าวเรื่องแรก และได้เล่นกับน้องแพทริเซีย และนักแสดงท่านอื่นๆ ดีใจมากๆ ครับ”

ได้กลับมาร่วมงานอีกครั้งตื่นเต้นขนาดไหน ?

“ตื่นเต้นมากเพราะเป็นอะไรที่พุฒิกับช่อง 3 สวนทางกันไปกันมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ได้มาร่วมงานเต็มๆ ก็รู้สึกดีใจเหมือนเรา ถ้าเปรียบเทียบสโมสรฟุตบอลเหมือนเรามี สโมสรแมนเชสเตอร์ ฯ เป็นสโมสรที่เราชื่นชอบ แต่ว่าไม่เคยอยู่ในสโมสรนี้สักที เฉียดไปเฉียดมา แต่วันนี้เราได้มาอยู่ที่นี่แล้ว ดีใจมากๆ ปลื้มใจมากๆ การต้อนรับอบอุ่นมาก”

ตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้เพราะอะไร ?

“จริงๆ แล้วผมเคยทำงานกับพี่หงส์ หก สี่ เอี่ยว มาแล้วเรื่องนึง มาเรื่องนี้พี่หงส์ก็ชวนมาทำอีก เป็นการทำงานที่เราทำงานกับคนที่เรารู้จักด้วย ได้เห็นวิธีการทำงาน ทำให้เราตัดสินใจรับเล่น เป็นการกลับมาช่อง 3 อีกครั้งนึงด้วย น่าจะเกือบ 10ปี ได้มั้งครับ ตั้งแต่ตอนเด็กๆ อยู่เลยครับ”

พอเห็นทีเซอร์หน้าตัวเองตกใจไหม เพราะเราไม่เคยเห็นหน้าตัวเองในช่อง 3 มาก่อน ?

“ตกใจ นี่เห็นป้ายโปรโตละคร ก็รู้สึก เห้ย! เดี๋ยวต้องไปถ่ายรูปสักหน่อยแล้ว เพราะปกติเวลาเรามาช่อง 3 มาตึกข่าวจะเห็นละครแต่ละเรื่อง พระเอก โน่นนี่นั่นแล้ววันนึงมีรูปเราอยู่ตรงนั้น ก็รู้สึกดีใจมากครับ”

นักแสดงหลายคนในเรื่องนี้เราไม่เคยร่วมงานมาก่อน ?

“บางคนก็เคยร่วมงาน แต่บางคนยังไม่เคยร่วมงาน อย่าง อาหนิง นิรุตติ์ คือผมมีความใฝ่ฝันอยากร่วมงานกับอาหนิงมาก เรื่องนี้พอรู้อาหนิงเล่นด้วยก็ตื่นเต้นดีใจ”

“ทีแรกที่ได้เจอเราคิดว่าอาหนิงต้องดุมากแน่ๆ เลย วันที่เข้าฉากอาหนิงบทเราต้องเป๊ะมาก คือดูไม่ต้องพกบทไปหน้าเช็ตเลย เราเคยได้ยินอาหนิงบทเป๊ะ เราเตรียมตัวไปอย่างดี ปรากฏว่าไปถึง อาหนิงแก เป็นผู้ชายขี้เล่นมาก บรรยากาศคลายเครียดและเป็นกันเองมาก ทำให้เราทำงานกับอาหนิงไม่เกร็ง ”

ความรู้สึกตื่นเต้นเหมือนเล่นละครเรื่องแรก ?

“ตื่นเต้นเหมือนเล่นละครเรื่องแรกอย่างนั้นเลย พอเราเจอนักแสดงรุ่นใหญ่เจะมีความเกร็ง เหมือนกับไปเล่นละครวันแรกๆ อีกครั้งนึง ฟิลลิ่งเป็นแบบนั้นเลย คืออาหนิงเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เป็นคนสนุกสนนานแค่พอ 5-4-3-2 แก่เป็นตัวละครที่สวิตซ์ รวดเร็วมาก นั่นคือสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากอาหนิงด้วย”

ตัวบทชอบหรือสนุกกับมันขนาดไหน ?

“เรื่องนี้เป็นคนดีครับ รับบทเป็น เกื้อคุณ เป็นคนดีเกินไปด้วยซ้ำ เกื้อคุณ เป็นคนมั่นคงในเรื่องของความรักมาก มีความรักเขาเต็มที่มากๆ เขามีแฟนแค่ 2 คนเท่านั้น รักครั้งเก่ากับรักครั้งใหม่ ครั้งเก่าก็คือพี่แพร พิชชาภา รับบทเป็น พิมพ์ ซึ่งเป็นคนที่เราคบและตั้งใจแต่งงานด้วย วันที่เราขอเค้าแต่งงานเป็นวันที่เขาเดินมาบอกเลิกเรา เพื่อที่จะไปแต่งงานกับผู้ชายอีกคนนึง เรื่องราวจะเป็นรักสามเส้าเราสี่คน”

เลิฟซีนเยอะเหมือนกันทั้งกับแฟนเก่าและแฟนใหม่ ?

“ครับ ก็มีเลิฟซีนให้ได้ดูเรื่อยๆ ต้องบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่คู่พุฒิอย่างเดียวนะ คู่พุฒิถ้ากำจัดความจะเป็นเลิฟซีนที่สวยงาม เป็นเลิฟซีนที่เกิดขึ้นจากความรักของคนสองคนจริงๆ เวลามันออกมาอบอวลด้วยความรักละมุน จิกโต๊ะ ขูดโต๊ะ แต่ถ้าพาร์ทของบอลพี่แพรจะเป็นความรักแบบดุเดือด คุณบอลเขาบอกว่าเป็นความรักแบบสัตว์ป่า ดุร้าย(หัวเราะ)”

ผู้กำกับบรีฟมาอยากได้เลิฟซีนแบบไหน ?

“ของพุฒิกับแพท ตอนแรกเทคแรกจะปล่อยให้เราสองคนแบบได้ลองไปกันเองก่อน ตามบทตามตัวละครเราคิดว่าเลิฟซีนประมาณนี้ น่าจะโอเคแล้ว จริงๆ เกื้อไม่ได้มีความรักมา 8 ปี แล้วนะ มาเจอนางเอกคนที่เรารักมากๆ เป็นอะไรที่ดูดดื่ม”

“ผมว่าความรักมันดีไซน์ไม่ได้ มันเกิดโมเมนต์ขึ้นมาสดๆ มันจริงจะเรียลมากกว่า เราต้องปล่อยตัวปล่อยใจให้มันเป็นไปตามละคร ผมเป็น เกื้อ แพทเป็น คุณอัญ”

ต้องมีรายงานภรรยา จุ๋ย วรัทยา ก่อนไหม ?

“เราคุยกันตลอด เวลาผมรับละคร เรื่องนี้อ่านบทมานะ มีเลิฟซีนประมาณนี้นะ เป็นเลิฟซีนน่ารักๆ เรื่องนี้เป็นเลิฟซีนดุเดือดมากเลย ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องดู เราจะรายงานเขา”

“โตขึ้นตามตัวเราด้วยเลิฟซีนที่ผ่านมา ตอนนั้นเราเล่นละครวัยรุ่นก็จะเป็นเลิฟซีนแบบวัยรุ่น แต่ตอนนี้เราโตขึ้นมาอีกสเต็ปนึง มันจะเป็นเลิฟซีนดุเดือดขึ้น หนักแน่นขึ้นแล้วแต่บทบาทด้วย ทั้งหมดทั้งมวลเรารายงานให้คุณจุ๋ยทราบ”

“จริงๆ เค้าหวงแหละ แต่ก็เข้าใจมันคืองานของเรา เข้าใจว่ามันคืองานของเขา เลิฟซีนของเราเป็นเลิฟซีนที่ไม่ได้เกินขอบเขตอยู่แล้ว คุณจุ๋ยเขาให้เกียรติเราและเข้าใจมันคืองานของเราที่เราทำ”

“พอหลังๆ คุณจุ๋ยเขาผ่านการเป็นผู้จัด แล้วสามีเล่นเองเขาต้องอยู่หน้ามอนิเตอร์ เห็นสามีเล่นเลิฟซีน ผมว่าเขาคงมีภูมิคุ้มกันแล้วแหละ คือไม่ได้เห็นแค่มอนิเตอร์ เคขาเข้าห้องตัด เห็นป็นสิบๆ รอบ ผมว่าชินแหละ ต้องใช้คำว่าเข้าใจในบทบาทงานที่เราทำ ตัวเขาเองก็เล่นละคร เราก็เล่นละคร เข้าใจซึ่งกันและกัน”

ร่วมงานกับแพทริเซียครั้งแรกเป็นอย่างไรบ้าง ?

“เอาจริงๆ ผมก็ตื่นเต้นนะ ไม่เคยร่วมงาน เราตื่นเต้นทุกคร้งที่ได้ทำงานกับคนใหม่ๆ เพราะเราต้องมาเรียนรู้จังหวะ เรียนรู้นิสัย ดูการทำงานว่าเป็นยังไง จำได้ว่าวันแรกๆ เกร็งเพราะเราไม่เคยทำงานด้วยกันมาก่อน ต้องใช้เวลาสักแป๊บละลายพฤติกรรมกันไป ก็ค่อยๆ ดีขึ้น”

 ขาเจ็บเกิดอะไรขึ้น ?

“เล่นกีฬาครับ จริงๆ คือผมข้อเท้าพลิกแล้วกระดูกร้าวมา 2 ปีแล้ว แต่ไม่ได้ผ่าสักที ก็ยังใช้ชีวิตได้แหละครับ แต่เวลากลับไปเล่นกีฬา ไปวิ่ง ไปเตะบอล หรือว่าเล่นกีฬาอะไรมันจะเจ็บที่ข้อเท้า มันทิ้งมายาวมากเพราะเราติดถ่ายละครด้วย ไม่มีช่วงที่เบรกจากถ่ายละครให้ผ่าสักทีนึง แล้วบวกกับล่าสุดกลับไปเตะบอลแล้วก็เจ็บซ้ำ หมอก็บอกว่าถ้าเจ็บมาอีก คือต้องผ่าอย่างเดียวแล้วนะ ก็เลยได้ฤกษ์ผ่าข้อเท้าครับ”

“ก่อนที่จะผ่าก็ใช้ชีวิตได้ คือผมเดินเหินอะไรได้ปกติ เพียงแต่ว่าแค่กลับไปเล่นกีฬาแล้วมันจะเจ็บ แต่เราไม่มีเวลาผ่า เราก็ไม่เป็นไรยังใช้ชีวิตได้ เตะบอลได้นิดหน่อย แต่หมอก็บอกตลอดว่า ถ้าเจ็บอีกต้องผ่าแล้วนะ ก็ผ่าแล้วเรียบร้อยครับ”

หมอให้พักเล่นฟุตบอลก่อนไหม ?

“เบรกครับ ตอนนี้ต้องเบรกและหมอก็บอกว่ากลับไปเล่นได้ แต่คงจะไม่ต้องบู๊มากเหมือนแต่ก่อน จังหวะบวกก็ไม่ต้องไปบวกกับเขา บอกว่าให้เน้นแบบเตะบอลเพื่อสุขภาพ”

ตอนนี้เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง ?

“ถ้าตอนนี้เลยก็คือ ทำงานอาจจะต้องมีไม้เท้าคอยประคองขาตัวเองไป เพราะว่าของพุฒคือไม่สามารถลงน้ำหนักได้เลย เพราะกระดูกร้าวตรงที่คุณหมอเขาตัดกระดูกออกไป ที่เป็นกระดูกอ่อน มันต้องไม่ลงน้ำหนักไม่งั้นกระดูกมันจะไม่งอกออกมา ก็เลยต้องใช้ไม้เท้าประมาณ 6 สัปดาห์ ก็มีผลต่อการทำงาน มีผมต่อการช่วยคุณจุ๋ยเลี้ยงน้อง เราอาจจะอุ้มไม่ได้ หมายถึงว่ายืนอุ้มไม่ได้ แต่ว่าถ้านั่งอุ้มนั่งป้อนนมได้ครับ”

วันแรกๆ ที่ต้องใช้ไม้เท้าช่วยเป็นยังไงบ้าง ?

“วันแรกก็หน้ามืดเลย(หัวเราะ) มันเกร็งครับ วันแรกคือผ่ามาแล้วรุ่งขึ้นกายภาพเขาก็จะมาแบบให้เราฝึกเดินเลย แล้วก็ด้วยความที่แผลมันยังเจ็บอยู่ด้วย เลือดลงเท้า พอซ้อมเดินได้รอบนึงก็พี่ครับ ไม่ไหวแล้วครับ หน้ามืดครับพี่ เพิ่งเมื่อ 4 วันที่แล้วนี่เองครับ”

เอาเฝือกออกแล้วยังต้องใช้ไม้เท้าพยุงไหม ?

“ไม่ต้องแล้วครับ แต่เป็นกระบวนการกายภาพบำบัดฟื้นฟู เพื่อให้ขากลับมาแข็งแรงจะได้ไม่เจ็บซ้ำอีก หมอบอกต้องค่อยๆ ฝึกกล้ามเนื้อขาให้มันแข็งแรงบาลานซ์อะไรใหม่หมดเลย ผมคิดว่าถ้ากลับไปเตะบอลก็คงจะต้องอีกสักพักใหญ่ๆ เลยครับ”

เราเป็นนักวิ่งด้วย อนาคตยังวิ่งได้อยู่ใช่ไหม ?

“วิ่งได้ครับ วิ่งได้ๆ แต่ว่าถ้าวิ่งกันนาน วิ่งระยะยาวขึ้นเหมือนมันจะกดทับไปเรื่อยๆ มันก็จะเจ็บตรงที่มันร้าว ก็จะวิ่งได้ระยะสั้นๆ ครับ จะมีโอกาสเกิดซ้ำได้ ถ้าเรายังใช้ชีวิตโลดโผน ออกกำลังกายหนัก เดี๋ยวหลังจากเอาเฝือกออกต้องกายภาพครับ”

ทำให้เราลดความโลดโผนลงไปขนาดไหน ?

“ลดเลยครับ คือจริงๆ พอเจ็บปุ๊บก็รู้เลยว่า พออายุขึ้นเลขสามปุ๊บมันหายยาก เวลาอะไรที่ต้องปะทะมากๆ เราก็จะค่อยๆ ลดค่อยๆ เลี่ยงลงมาครับ ทุกวันนี้ก่อนที่จะผ่า เลี้ยงลูกก็แทบจะไม่ค่อยได้ทำอะไรแล้ว ลูกเล็กไง ก็ลดลงมาต้องให้เวลากับครอบครัวมากขึ้นด้วย แต่ไม่ทิ้งครับเรื่องการออกกำลังกาย”

ตอนนี้ลูกชาย น้องพีร์เจ จะ 2 เดือนแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ?

“จ้ำม้ำ อ้วนดีครับ แล้วผมก็เยอะมาก ตอนนี้เริ่มจะเป็นทรงรากไทร ถามว่าเห่อไหม ก็เห่อครับ เพราะเป็นลูกคนแรก แล้วเราทั้งคู่ก็เป็นคู่ที่อยากมีลูกกันมาก พอมีจริงๆ ก็ดีใจครับ พอนั่งป้อนนมช่วงเดือนแรก นั่งป้อนๆ ไป น้ำตาก็มาซะอย่างงั้น คิดว่ามันเรื่องจริงใช่ไหมนี่ เขาอยู่กับเรา”

ใครอ่อนไหวร้องไห้ง่ายกว่ากัน ?

“ตั้งแต่มีลูก ผมรู้สึกว่าผมไหลเร็วกว่า จำโมเมนต์ตอนอยู่ในห้องคลอดได้ คือได้ยินเสียงร้องปุ๊บผมน้ำตาไหลเลย แบบไม่รู้ตัว มันเป็นน้ำตาแห่งความดีใจ เรื่องการเลี้ยงเราก็ช่วยกันครับ เพราะว่าคุณจุ๋ยเขาหนักอยู่แล้ว ไหนจะต้องปั้มนม เลี้ยงลูก ส่วนผมมีหน้าที่ป้อนนม พาเรอ พานอน ช่วยอาบน้ำลูก”

อย่างคุณพ่อบางคนเขาไม่กล้าเช็ดก้นให้ลูก เรามีกลัวอะไรไหม ?

“ตอนแรกผมกลัวการเช็ดอึมากเลย พอได้มีลูกเป็นของตัวเองมันต้องทำ มันเหมือนข้ามสิ่งที่เราไม่อยากทำไปโดยไม่มีข้อแม้อะไรเลย เช็ดได้ อึเลอะมือก็สบายมากครับ”

จากหน้าที่แค่สามีตอนนี้ต้องทำหน้าที่คุณพ่อ ชีวิตเปลี่ยนไปไหม ?

“พอมาเป็นคุณพ่อ รู้สึกว่าชีวิตเราต้องรับผิดชอบมากขึ้น แล้วก็คิดเยอะขึ้น ไม่ได้คิดถึงแค่ตัวเรา มันคิดถึงลูกด้วย มันมีความโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาอีกสเต็ปนึง และอะไรที่เป็นสิ่งไม่จำเป็นในชีวิต เราจะตัดมันได้เร็วมาก อาทิเช่น อุปกรณ์การทำกาแฟที่บ้าซื้อมาก แล้วกินอยู่คนเดียวในบ้าน เมื่อก่อนมีรุ่นใหม่ออกมาก็จะซื้อ รู้สึกว่าของมันต้องมี แต่เดี๋ยวนี้ ต้มน้ำแล้วชงได้เลย เน้นสะดวกเน้นเร็วครับตอนนี้(หัวเราะ)”

พูดถึงจุ๋ยพอเขามีลูกแล้ว เรารู้สึกว่าเลือกคนไม่ผิดไหม ?

“เราเลือกไม่ผิดจริงๆ ทุกวันนี้ยังบอกเลยว่าการเป็นคุณแม่นี่เหนื่อยมาก เราเห็นจุ๋ยตั้งแต่แพ้ท้อง อุ้มท้อง ตั้งแต่ต้องฉีดยากระตุ้นไข่ เราอยู่ในช่วงของการมีลูกยากมา 3 ปี อุ้มท้องอีก 9 เดือน พอคลอดออกมาความเป็นแม่ก็ต้องปั้มนม ต้องโน่นนี่นั่น เราเห็นความเสียสละของเขา เรารู้สึกขอบคุณเขามากๆ ที่เขายอมเสียสละตัวเองยอมมีลูกให้เรา และทำให้เรารู้สึกรักแม่เรามากขึ้น เพลงค่าน้ำนมมันเด้งขึ้นมาเลยตอนที่เขาต้องทำอะไรเพื่อลูก”

ส่วนตัวเรามีเพลงกล่อมลูกไหม ?

“ไม่มีครับ แต่ว่าตอนคุณพ่อคุณแม่จุ๋ยเขามา เขาก็จะมีเพลงกล่อมเด็กมาร้องให้ฟัง ส่วนตัวผมไม่มีครับ เพราะว่าร้องไม่เป็นด้วย จะมีแบบชวนคุย ตบตูด เคยร้องแล้วลูกร้องดังขึ้นกว่าเดิม ลูกร้องแข่งกับเรา เราคงเป็นนักร้องเสียงเพี้ยนครับ”

คุณแม่หลายคนจะมีภาวะเครียดหลังคลอด เราต้องช่วยดูแลจุ๋ยอย่างไรบ้าง ?

“โชคดีเขาไม่เป็นมาม่าบลู เขาปกติ ก่อนที่จะคลอดเขาก็จะกังวลเหมือนกัน เขากลัวว่าจะมีภาวะซึมเศร้าหลังคลอดไหม ปรากฎว่าไม่มี ก็แฮปปี้ไป คุณจุ๋ยจะมีช่วงแรกๆ เพราะว่าเราต้องตื่นกันทุก 2-3 ชม. แล้วคุณจุ๋ยต้องปั้มนมทุก 3 ชม. เขาจะทำแบบนี้ทุกวัน เรารู้สึกว่าเขาเหนื่อยกว่าเรามากๆ เลย ก็ดูแลกันไป”

เรียกว่าเรื่องการเลี้ยงลูกของเราสบายมาก ?

“ไม่โฟร์นะช่วงแรกๆ เพราะเราเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ กลับมาจากโรงพยาบาลสัปดาห์แรก อยู่กันแต่บนห้อง ไม่ได้ลงไปไหนกันเลย เพราะว่ามันยุ่งมาก ยังไม่ลงตัว”

“ตอนแรกคุยกันว่าจะเลี้ยงเอง เป็นพ่อแม่ฟูลไทม์ แต่ผ่านไป 1 เดือนเราก็มาคุยกันว่าแบบนี้ไม่ไหวแล้ว เพราะว่าพอเราออกมาทำงาน แล้วคุณจุ๋ยคนเดียวเขาก็ไม่ไหว เพราะเขาต้องมีปั้มนมด้วย เลยมีพี่เลี้ยงมาช่วยครับ”

ตอนนี้ลูกเริ่มหน้าเหมือนใคร ?

“เหมือนคุณจุ๋ย จมูกโด่ง ผมดก ตอนนี้แก้มเป็นซาลาเปามาก ถามว่าจะมีคนที่สองต่อเลยไหม ต้องดูคุณจุ๋ยว่าสภาพร่างกายเขาเป็นยังไงบ้าง ไข่ที่เก็บยังมีเหลืออยู่ครับ คือตอนนี้ผมอยากมีลูกแค่คนเดียว แค่คนแรกก็เหนื่อยแล้ว”

“ตอนแรกอยากมีสัก 3-4 คน ตอนนี้รู้สึก 2 คนดีกว่าพอแล้ว แต่ถ้ามีอีกคน ก็จะมีติดๆ กันเลย เพราะด้วยความที่เราก็อายุเยอะ ไม่อยากที่จะแบบว่าเราแกลูกเป็นวัยรุ่น เราก็ไม่อยากแก่มาก แล้วลูกวัยรุ่น”

อัลบั้มภาพ 29 ภาพ

อัลบั้มภาพ 29 ภาพ ของ "พุฒ" มีลูกแล้วอ่อนไหวง่าย ซึ้งใจ "จุ๋ย" เป็นแม่ผู้เสียสละ เล่าสาเหตุผ่าข้อเท้าด่วน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook