ซี ศิวัฒน์ ยันอยากให้กสิกรไทยจริงใจมากกว่านี้

ซี ศิวัฒน์ ยันอยากให้กสิกรไทยจริงใจมากกว่านี้

ซี ศิวัฒน์ ยันอยากให้กสิกรไทยจริงใจมากกว่านี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กรณีนางอัมพวัน พานิชย์ อดีตผู้จัดการฯของธนาคารกสิกรไทยฉ้อโกงหลอกยืมเงินลูกค้าวีไอพีของธนาคาร ร่วมถึงซี ศิวัฒน์ รวมมูลค่า 200 ล้านบาท

กรณี นางอัมพวัน หรือตุ๊ก พานิชย์ อดีตผู้จัดการทีมที่ปรึกษาการบริหารทรัพย์กลุ่มลูกค้าบุคคลพิเศษ 28 เขตบริการและการขาย 74 สายงานธุรกิจลูกค้าบุคคลและเครือข่ายบริการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) ใช้ตำแหน่งหน้าที่ทำการฉ้อโกงล่อหลอกยืมเงินเงินของลูกค้าระดับวีไอพี.ของ ธนาคาร ทั้งที่เป็นนักธุรกิจ กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น เจ้าของกิจการโรงแรม เจ้าของหมู่บ้านจัดสรร ไปหลายรายรวมประถึง ซี-ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ ดาราดังช่อง 7 สี และนางสุวรรณี โชติชัยชรินทร์ มารดา ก็โดนด้วยไปร่วม 20 ล้านบาท รวมมูลค่าเงินเสียหายกว่า 200 ล้านบาท และทางกลุ่มผู้เสียหายได้มีการตั้งรางวัลนำจับไว้เบื้องต้น 1 แสนบาท หากมีการจับตัวได้อาจจะมีการเพิ่มรางวัลพิเศษให้อีกด้วย ขณะที่ทางธนาคารกสิกรไทย ในตอนแรกออกมาให้ข่าวว่ากลุ่มผู้เสียหายดังกล่าวเป็นการปล่อยกู้นอกระบบ และต่อมาเพิ่งจะมีข่าวว่าทางนายไพฑูรย์ ล่ำซำ ประธานกรรมการบริหารธนาคารกสิกรไทย ได้เผยว่าทางธนาคารกสิกรไทย ก็มีการตั้งรางวัลนำจับนางอัมพวัน ไว้ 1 ล้านบาทเช่นกัน เพราะว่าทางธนาคารก็เสียหายด้วย

ล่าสุดนายศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ หรือ ซี ศิวัฒน์ ดาราดังช่อง 7 สี เผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากมีข่าวนางอัมพวัน ทำการฉ้อโกงลูกค้าไปจนถึงขณะนี้ตนเองก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากนางอัมพวัน รวมไปถึงไม่มี จนท.ธนาคารกสิกรไทย มาทำการสอบถามอะไรตนเองเลย

สำหรับในประเด็นเรื่องธนาคารบอกว่ากลุ่มผู้เสียหายพวกตนเองเป็นพวกปล่อยกู้นอกระบบ ขอบอกว่าถ้าเป็นการปล่อยกู้นอกระบบ พวกตนเองต้องมีการทำเอกสารที่รัดกุมมากกว่านี้ แต่ความจริงนางอัมพวันใช้ตำแหน่งหน้าที่เป็นถึงผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย มาล่อหลอกอ้างว่าขอยืมเงินไปลงทุน แล้วก็เอาไปปล่อยกู้ตามวิธีของเขา ซึ่งเงินที่นางอัมพวันเอาไปก็เป็นเงินจากการทำงานที่สุจริตของพวกตนเอง ไม่ใช่เป็นอาชีพปล่อยกู้ของพวกตนเองเลย

ตนเองเป็นคนทำอะไรชัดเจน เวลาล่วงเลยมาก็เป็นเดือนแล้ว ก็อยากจะเห็นมาตรการในการแสดงความรับผิดชอบของทางธนาคารที่เป็นรูปธรรมในการ ดูแลผู้เสียหายที่ชัดเจนมากกว่านี้ ซึ่งอย่างน้อยทางธนาคารก็ควรจะช่วยเหลือกลุ่มผู้เสียหายในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ว่านางอัมพวันเอาเงินของพวกเราไปไหนบ้าง ซึ่งทางธนาคารสามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว และช่วยกรุณาแจ้งให้กับกลุ่มผู้เสียหายทราบ ในส่วนของความคืบหน้าในมาตรการที่กลุ่มผู้เสียหายจะดำเนินการต่อสู้นั้น ตนเองได้มอบให้ทางมารดาเป็นผู้ดูแลแทนแล้ว

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook