ผบ.ตร. สั่งเด้ง ผกก.สน.ห้วยขวาง เซ่นดราม่าตำรวจตั้งด่าน รีดเงินดาราสาวไต้หวัน

ผบ.ตร. สั่งเด้ง ผกก.สน.ห้วยขวาง เซ่นดราม่าตำรวจตั้งด่าน รีดเงินดาราสาวไต้หวัน

ผบ.ตร. สั่งเด้ง ผกก.สน.ห้วยขวาง เซ่นดราม่าตำรวจตั้งด่าน รีดเงินดาราสาวไต้หวัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผบ.ตร. สั่งเด้ง ผกก.สน.ห้วยขวาง เซ่นดราม่ารีดเงินดาราสาวไต้หวัน สั่งสอบวินัยร้ายแรงตำรวจทุกนายที่เกี่ยวข้อง

กองบัญชาการตำรวจนครบาล ชี้เเจง หลังจากที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ออกมาโพสต์ ว่าตำรวจไทยรีดเงินดาราสาวไต้หวันจริง โดย บช.น. ชี้เเจง ระบุข้อความว่า

ตามที่มีกระแสข่าวข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง เรียกเงินนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันนั้น ทาง บช.น. ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ดำเนินการให้รวบรวมพยานหลักฐาน สอบพยานบุคคล พยานวัตถุ กล้องวงจรปิดต่างๆ เพื่อเป็นข้อมูลให้ได้มากที่สุด ซึ่งในขณะนี้การรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นข้อเท็จจริง ปรากฏว่า มีการตั้งจุดตรวจบริเวณหน้าสถานทูตจีนจริง และปรากฏภาพนักท่องเที่ยวมีการครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าหรือบารากู่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีแหล่งกำเนิดหรือผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศและไม่ได้ผ่านโดยไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากรซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 242, 246 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งพบเห็นวัตถุดังกล่าวที่มีลักษณะเป็นบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ตรวจยึดเป็นของกลางเพื่อส่งตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ให้นักท่องเที่ยวที่ครอบครองออกเดินทางจากจุดตรวจดังกล่าวไปเพราะวัตถุต้องสงสัย ซึ่งกรณีนี้เบื้องต้นเข้าข่าย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว ให้ดำเนินการทั้งวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดแล้ว

ส่วนประเด็นการรีดเงินนักท่องเที่ยว และกระแสข่าวบางแห่งออกมายืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจรับว่ามีการเรียกเงิน โดยมีบุคคลยืนยันว่าเป็นผู้ให้เงินเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลขอยืนยันว่าในประเด็นดังกล่าว เราติดตามและให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องตลอดมา แต่ขณะนี้ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานที่ชัดเจน ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร บันทึกรับสารภาพ จำนวนเงินแน่นอน ที่ระบุ รวมถึงคำรับของเจ้าพนักงานตำรวจมาให้การรับสารภาพ เพื่อใช้ดำเนินคดีรวบรวมพยานหลักฐาน และตามที่มีกระแสข่าวนั้น

ขณะนี้มีแนวทางการสืบสวนที่สอดคล้องกับกระแสข่าวดังกล่าวอยู่แล้ว และอยู่ระหว่างติดตามพยานมาให้การยืนยันการกระทำความผิดและจำนวนเงินที่ส่งมอบดังกล่าว ว่าใครเป็นผู้มอบสินบนให้เจ้าพนักงาน เพื่อปล่อยตัวนักท่องเที่ยว และเจ้าพนักงานคนใดเป็นผู้รับสินบน แต่จะต้องมีแนวทางการสืบสวนสอบสวนให้ชัดเจน เพราะข้อมูลบางอย่างยังไม่ตรงกัน จึงต้องระมัดระวัง และจะแจ้งข้อมูลที่ชัดเจนให้ทราบต่อไป

ทั้งนี้ หากพยานหลักฐานชัดเจนก็จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดไม่มีการละเว้น ไม่ว่าฝ่ายใด ทาง บช.น. ต้องขอโทษมายังประชาชนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้กระทำการให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทำให้เกิดผลกระทบต่อส่วนรวม ซึ่งทาง บช.น. จะรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการ ในโอกาสต่อไป

ล่าสุด พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันอ้างถูกตำรวจเรียกรับเงิน ว่า “พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการด่วน ให้ ผบช.น. สั่ง ผกก.สน.ห้วยขวาง ช่วยราชการ หลังจากมีข้อมูลว่า มีตำรวจเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกรณีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันถูกเรียกรับเงิน พร้อมกำชับ น.1 ดำเนินการตั้งกรรมการวินัยร้ายแรงและดำเนินคดีอาญาในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำความผิดในเหตุดังกล่าวทุกราย อย่างเด็ดขาด มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง”

โฆษก ตร. เผยอีกว่า “ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำกำชับไปยังตำรวจนครบาล และตำรวจทุกพื้นที่ กรณีการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด หรือการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ต้องกระทำตามอำนาจหน้าที่ เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามระเบียบแนวทางที่ ตร.ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ต้องไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ใดๆ อันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยให้ผู้บังคับบัญชาเพิ่มความเข้มในการตรวจตราการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ไม่ให้เกิดพฤติกรรมในทางไม่ดี หากพบว่าพื้นที่ใดมีการกระทำความผิดซ้ำขึ้นอีก จะพิจารณาโทษถึงระดับหัวหน้าสถานีตำรวจ แต่ถ้าเกิดเป็นความผิดซ้ำซาก จะพิจารณาโทษถึงระดับผู้บังคับการ โดยจะดำเนินการเด็ดขาดทั้งทางวินัยอาญา และปกครอง”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook