สาวท้อง 8 เดือน ฝากครรภ์พิเศษคลินิก ไม่รู้ลูกตายในท้องหลายวัน แม่ติดเชื้อตายตาม
ครอบครัวช็อก สาวท้อง 8 เดือน ฝากครรภ์พิเศษกับคลินิก แต่ลูกตายในครรภ์หลายวันไม่รู้ตัว แม่ติดเชื้อในกระแสเลือดดับอีกคน
ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า มีหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิตทั้งแม่ทั้งลูกอย่างปริศนา หลังเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ เพียงแค่อาการมีผื่นคันตามร่างกาย และมีไข้
ผู้เสียชีวิตคือ นางสาวจิณัฐตา หรือ ตุ๊กติ๊ก อายุ 32 ปี ชาวตำบลบ้านบัว อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เสียชีวิตไปพร้อมกับลูกชายในครรภ์ วัย 8 เดือน ศพถูกตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่วัดบ้านบัว
นายอภิเชษฐ์ อายุ 29 ปี สามีผู้เสียชีวิต เล่าว่าภรรยาทำงานเป็นพนักงานลูกจ้างอยู่เทศบาลตำบลบ้านบัว ตนกับภรรยามีลูกสาวด้วยกันแล้ว 1 คนอายุได้ 1 ขวบ 4 เดือน ต่อมาภรรยาได้ตั้งท้องขึ้นมาอีก แต่อยากจะให้ภรรยาและลูกในท้องสมบูรณ์ จึงไปฝากครรภ์พิเศษกับคลินิกหมอเฉพาะทางในตัวเมืองบุรีรัมย์ ตั้งแต่ตั้งครรภ์ได้ 2 เดือน ไปพบหมอที่คลินิกทุกครั้งที่หมอนัด โดยจะเสียค่าใช้จ่ายครั้งละ 900-1,200 บาท
ช่วงอายุครรภ์ภรรยาได้ 6-7 เดือนจะไปหาหมอที่คลินิกบ่อยขึ้น เพราะภรรยามีอาการผิดปกติ หมอคลินิกให้ยามากินเป็นประจำ แต่อาการกลับไม่ดีขึ้น จนกระทั่งเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ไปพบหมอตามนัด โดยหมอแจ้งว่า เด็กไม่ค่อยดิ้น แล้วส่งตัวไปที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ หมอให้น้ำเกลือแล้วกลับบ้าน
ต่อมาภรรยามีผื่นขึ้นตามตัว มีไข้อ่อน ๆ จึงไปพบหมอที่คลินิกอีก หมอได้ให้ยาแก้ไข้มากิน แต่กินแล้วอาการไม่ดีขึ้น จนกระทั่งคืนวันที่ 6 ก.พ. มีอาการปวดท้องจึงตัดสินใจไปหาหมอที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์
หลังจากหมอตรวจอาการได้ส่งตัวภรรยาเข้าห้องผ่าตัด เพื่อผ่าเอาลูกในท้องออกเนื่องจากลูกชายที่อยู่ในท้องเสียชีวิตแล้วหลายวัน ต่อมาอาการภรรยาทรุดหนัก สุดท้ายหมอแจ้งว่าติดเชื้อในกระแสเลือด ทำให้ไตวายเฉียบพลัน และเสียชีวิตในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ถึงเวลานี้ยังติดใจเรื่องการฝากท้องพิเศษ ว่าหมอมีขั้นตอนในการดูแลคนไข้อย่างไร โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงและอาการของแม่ที่มาฝากครรภ์
ด้านนางจิตร์ แม่ผู้เสียชีวิต บอกว่ารู้สึกเสียใจที่ลูกสาวต้องมาเสียชีวิตเหมือนกับคนในสมัยที่การแพทย์ไม่เจริญ ทั้งที่เลือกจ่ายสิ่งที่แพงกว่า แต่สุดท้ายกลายเป็นการสูญเสีย จึงอยากจะเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาตรวจสอบให้หน่อยว่า หลานในท้องเสียชีวิตเพราะอะไร ทำไมหมอจึงไม่สามารถตรวจสอบพบแต่แรกจะได้ไม่ลามมาถึงลูกสาวตัวเอง
ล่าสุดนายแพทย์พิเชษฐ์ พืดขุนทด สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมากล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้ยังระบุไม่ได้ว่าเป็นความผิดของใคร เพราะการรักษาเป็นไปตามขั้นตอน แต่เบื้องต้นจะประสานเจ้าของคลินิก เพื่อหาทางเยียวยาผู้เสียหายเพื่อบรรเทาความสูญเสียก่อน ทั้งนี้กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ และบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะผู้เป็นแม่มือใหม่ ควรจะสังเกตความผิดปกติของแม่โดยรวมอย่างใกล้ชิด หากมีความผิดปกติต้องไปพบแพทย์ในทันที เพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจจะไม่คาดคิดได้เหมือนกรณีดังกล่าว