“ชัยวุฒิ” ยันรัฐบาลไม่นิ่งเฉย เร่งปราบทุนจีนเทา ย้ำไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

“ชัยวุฒิ” ยันรัฐบาลไม่นิ่งเฉย เร่งปราบทุนจีนเทา ย้ำไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

“ชัยวุฒิ” ยันรัฐบาลไม่นิ่งเฉย เร่งปราบทุนจีนเทา ย้ำไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ชัยวุฒิ” ยันรบ.ไม่นิ่งเฉยปราบทุนจีนเทา ย้ำไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ชี้ จำเป็นต้องทบทวนปรับแก้กฏหมาย เปลี่ยนส่วยเป็นภาษี

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการอภิปรายปัญหาทุนจีนสีเทาในสภาที่ผ่านมา โดยมองว่า พรรคฝ่ายค้านพยายามโจมตีเรื่องนี้ในช่วงที่มีการปราบปรามอย่างจริงจัง

โดยเฉพาะกลุ่มทุนจีนสีเทาที่ถูกเปิดโปงต้องหนีไปต่างประเทศ รวมถึงที่จับกุมได้อีกหลายกลุ่ม ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องสําคัญที่รัฐบาลปราบปรามอย่างจริงเอาจัง หลังได้ข้อมูลมา โดยไม่ได้มีการนิ่งเฉยละเลยแต่อย่างใด

นายชัยวุฒิ ยืนยันว่า รัฐบาลจะดําเนินการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดเพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน อย่างไรก็ดีปัญหาเรื่องทุนสีเทาเป็นปัญหาที่มีมานานแล้วหลายสิบปี เป็นปัญหาที่เราก็รู้กันอยู่ว่าธุรกิจที่ผิดกฎหมายในเมืองไทยมันมีเยอะ แล้วก็ทุกคนก็วิ่งเข้าหาผู้มีอํานาจ เพื่อจ่ายส่วย หรือว่าหาคนมาดูแลคุ้มครอง ซึ่งรัฐบาลไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยรัฐบาลพยายามแก้ปัญหานี้อยู่

ทั้งนี้ ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ก็เห็นตรงกันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่นอกจากแก้ด้วยการให้เจ้าหน้าที่ลงไปเอาจริงเอาจังในการปราบปรามแล้ว บางเรื่องอาจต้องมีการปรับแก้กฎหมายเพื่อเปลี่ยนส่วยเป็นภาษี เพราะต้องยอมรับว่า บางสิ่งบางอย่างในต่างประเทศเขาถูกกฎหมาย

เช่น เรื่องธุรกิจบริการ ผับบาร์ที่เปิดตอนกลางคืน ประเทศอื่นเปิดหลังเที่ยงคืนได้ ขายเหล้าหลังเที่ยงคืนได้ เป็นเมืองไทยทําไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย ก็ทําให้ชาวต่างชาติที่มาลงทุน มาท่องเที่ยวในเมืองไทย หรือชาวต่างชาติที่ต้องการดื่มหลังเที่ยงคืนจะต้องจ่ายส่วยเพื่อจะได้เปิดบริการกันได้ก็เกิดทุนสีเทา เกิดธุรกิจผิดกฎหมายขึ้นมา ซึ่งเรื่องนี้เป็นตัวอย่างว่า เราควรต้องทบทวน ปรับแก้กฎหมายเพื่ออะไรที่เราคิดว่ารับได้ อะไรคิดว่าเป็นเรื่องสากล

ถ้าสังคมรับได้เราแก้กฎหมายเปลี่ยนส่วยเป็นภาษี ทําให้ถูกต้องจะได้ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน ส่วนเรื่องอะไรที่มันทําไม่ได้จริงๆเรื่องยาเสพติด เรื่องการค้ามนุษย์ต้องเอาจริงเอาจังและปราบปรามให้หมดสิ้นให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้ จะมีการเสนอเป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ แก้กฎหมายที่ล้าสมัย ที่ขัดกับวิถีชีวิตของประชาชน

อะไรที่พอจะรับได้ที่ต้องปรับให้ทันสมัยให้ตรงกับหลักสากลเพื่อให้ธุรกิจไปได้ เปลี่ยนส่วยเป็นภาษี ซึ่งจะทำให้ได้เงินเข้ามาพัฒนาประเทศ ธุรกิจไม่ต้องมีการจ่ายส่วย ไม่มีการคอรัปชั่น เบื้องต้นได้มีการเสนอในที่ประชุมแล้วมีหลายเรื่องที่ต้องแก้ไขกฎหมาย ต้องเปลี่ยนส่วยเป็นภาษี

ส่วนเรื่องอะไรที่มันทําไม่ได้จริงๆเรื่องยาเสพติด เรื่องการค้ามนุษย์ต้องเอาจริงเอาจัง อาจต้องแก้ไขกฎหมายให้มีโทษที่หนักขึ้น ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ละเว้น เป็นนโยบายหลักของพรรคพลังประชารัฐเปลี่ยนส่วยเป็นภาษี แก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นให้ได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook