เกิดอะไรขึ้นกับมอลโดวา เพื่อนบ้านยูเครน หรือเป็นเป้าต่อไปของรัสเซีย?
เมื่อวันพุธ (22 ก.พ.) นายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ตัดสินใจยกเลิกประกาศของรัฐบาลรัสเซียฉบับหนึ่งที่ออกมาเมื่อปี 2555 ว่าจะสนับสนุนอธิปไตยของประเทศมอลโดวาระหว่างการเจรจาปัญหาการแบ่งแยกดินแดนทรานส์นิสเตรีย
เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน หรือมอลโดวากำลังจะตกเป็นเป้าหมายต่อไปของรัสเซีย
ตั้งประเทศใหม่หลังโซเวียตล่ม
มอลโดวาเป็นประเทศที่อยู่ทางตะวันตกของยูเครนและเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต แต่แคว้นทรานส์นิสเตรียที่สนับสนุนรัสเซีย แยกตัวออกมาจากมอลโดวาเมื่อปี 2533 ก่อนที่สหภาพโซเวียตจะล่มสลายเมื่อปี 2534 เสียอีก เพราะกลัวว่ามอลโดวาจะไปรวมเข้ากับประเทศโรมาเนีย ที่ใช้ภาษาและมีวัฒนธรรมร่วมกันมากกว่า
อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ยังไม่มีชาติไหนให้การรับรองว่าอธิปไตยของแคว้นทรานส์นิสเตรีย แม้แต่รัสเซียเอง
Sergei GAPON / AFP
ถึงอย่างนั้น รัสเซียก็มีส่วนอย่างมากในการเจรจาระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย และยังคงกองกำลังของตัวเองเอาไว้ในดินแดนแห่งนี้ โดยอ้างว่าเพื่อรักษาสันติภาพ หลังจากมอลโดวาทำสงครามเพื่อไม่ให้แคว้นทรานส์นิสเตรียแบ่งแยกดินแดนออกไป ซึ่งตลอด 30 ปีที่ผ่านมาก็แทบไม่เกิดความรุนแรงใดๆ ต่อกันเลย
รัสเซียจ้องสกัดหลังหันซบอียู
ตั้งแต่นั้นมา มอลโดวาเองก็พึ่งพารัสเซียอย่างมาก ทั้งด้านการค้าและพลังงาน เพราะก๊าซธรรมชาติที่ใช้ในประเทศ 100% นำเข้ามาจากรัสเซีย ขณะเดียวกันบรรดานักการเมืองก็ทราบจุดนี้ดี จึงมักเลี่ยงการดำเนินนโยบายต่างๆ ที่จะขัดใจรัสเซีย
แต่การทุจริตอย่างกว้างขวางและความยากจนที่ไม่เคยแก้ไขได้เสียที ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจจนทำให้นางมายา ซันดู ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2563 อย่างถล่มทลาย ด้วยนโยบายที่จะนำประเทศหันเข้าไปหาสหภาพยุโรปและชาติตะวันตกมากขึ้น
การหันเข้าหาชาติตะวันตกยิ่งมากขึ้นไปอีก เมื่อรัสเซียรุกรานยูเครน ทำให้วันที่ 3 มี.ค. หรือหลังจากสงครามเริ่มไม่นาน นางซันดูก็เซ็นชื่อในใบสมัครนำมอลโดวาเข้าร่วมสหภาพยุโรป จนกระทั่งได้สถานะผู้สมัครอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาพร้อมกับยูเครน
เหตุนี้ทำให้รัสเซียไม่พอใจนัก ทั้งยังมองว่ารัฐบาลมอลโดวาเป็นภัยคุกคาม
อย่างไรก็ตาม ผลพวงจากสงครามที่ทำให้สินค้าราคาแพงขึ้น รวมถึง ก๊าซธรรมชาติ ที่มีราคาสูงขึ้น 7 เท่า ส่งผลให้มอลโดวาเผชิญอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่า 30% จนประชาชนจำนวนหนึ่งไม่พอใจและออกมาชุมนุมบนถนน เมื่อปีที่แล้ว
สั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาล
กลุ่มผู้ประท้วงไม่เพียงแต่เรียกร้องเรื่องค่าครองชีพ แต่ยังพัฒนาเป็นการเรียกร้องให้รัฐบาลมอลโดวาลาออกด้วย ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนมองว่ารัสเซียอาจเห็นเป็นโอกาสเหมาะในการโค่นล้มรัฐบาลชุดปัจจุบันที่นิยมตะวันตก
ELENA COVALENCO / AFP
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลมอลโดวาออกคำสั่งห้ามพลเมืองของเซอร์เบีย เบลารุส และมอนเตเนโกร ซึ่งเป็นชาติที่มีผู้นิยมรัสเซียอยู่มาก เดินทางเข้าประเทศ เพราะมองว่ารัสเซียอาจส่งคนเหล่านี้มาก่อความวุ่นวายในประเทศ ด้วยการแฝงตัวเป็นผู้ชุมนุม
นางซันดู กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า "จุดประสงค์ของการกระทำเหล่านี้คือการโค่นล้มวิถีตามรัฐธรรมนูญของเรา เพื่อล้มรัฐบาลที่ชอบธรรมไปเป็นรัฐบาลเถื่อน ที่จะทำให้ประเทศของเราตกอยู่ใต้อาณัติของรัสเซีย ไม่ให้กระบวนการเข้าร่วมสหภาพยุโรปเดินต่อได้ แล้วก็ใช้ประเทศเราเป็นเครื่องมือในสงครามยูเครนด้วย"
ด้านรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวอ้างดังกล่าว ขณะที่มอนเตเนโกรและเซอร์เบีย เรียกร้องให้รัฐบาลมอลโดวาอธิบายและให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าคำกล่าวอ้างของนางซันดูถูกต้องมากน้อยเพียงใด
ไม่ใช่แค่นั้น เมื่อช่วงที่ผ่านมาของเดือนนี้ ยังมีรายงานว่าขีปนาวุธของรัสเซียพุ่งเข้ามาในน่านฟ้ามอลโดวา ส่งผลให้รัฐบาลเรียกทูตรัสเซียไปเข้าพบเพื่อประท้วงการกระทำดังกล่าว
แต่หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่นาน นางนาตาเลีย กัฟวรีลิตา นายกรัฐมนตรีมอลโดวา ประกาศลาออก วัย 45 ปี หลังดำรงตำแหน่งมานาน 18 เดือน และได้นายดอริน เรจัน อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ วัย 48 ปี ที่ฝักใฝ่ตะวันตกเช่นกัน มาทำหน้าที่แทน
งัดปมขัดแย้งทรานส์นิสเตรียมาใช้อีกครั้ง
การประกาศล่าสุดของนายปูติน ว่าจะยกเลิกการรับรองอธิปไตยของมอลโดวาเหนือดินแดนทรานส์นิสเตรียนั้น เท่ากับว่ารัสเซียกำลังกดดันรัฐบาลมอลโดวามากขึ้นในรูปแบบต่างๆ เช่น อาจจะรับรองแคว้นดังกล่าวเป็นประเทศเอกราชหรือผนวกเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย โดยไม่สนใจว่ามอลโดวาจะไม่พอใจอีกต่อไป
การประเมินดังกล่าวยังเริ่มเป็นจริงมากขึ้น หลังจากกระทรวงกลาโหมรัสเซียอ้างเมื่อวันพฤหัสบดี (23 ก.พ.) ว่ายูเครนมีแผนการเข้าไปยึดครองแคว้นทรานส์นิสเตรียของมอลโดวา ซึ่งเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อกองกำลังรัสเซียที่ประจำการอยู่ในแคว้นดังกล่าว ทำให้รัสเซียอาจต้องใช้มาตรการตอบโต้อย่างเด็ดขาด
แต่รัฐบาลมอลโดวาแถลงปฏิเสธทันควันว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวของรัสเซียไม่เป็นความจริง และเรียกร้องให้ประชาชนรับข้อมูลที่แหล่งที่น่าเชื่อถือ
หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นการเริ่มเดินเกมของรัสเซีย ที่สุดท้ายอาจเลยเถิดถึงการโจมตีมอลโดวาด้วยหรือไม่
เมื่อช่วงที่ผ่านมาของเดือนนี้ นายแซร์เกย์ ลาฟวโรฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเตือนอย่างเปิดเผยว่า ความพยายามหันไปหาตะวันตกของมอลโดวาอาจทำให้กลายเป็นยูเครนประเทศต่อไปก็ได้