ลุงนอนกลางถนน น้ำตาไหลบอกลูกหลานพาปล่อยวัด สุดท้ายคดีพลิก ไปเองแล้วลืม
ลุงนอนกลางถนน น้ำตาไหลบอกลูกหลานพามาปล่อยวัด สุดท้ายคดีพลิก ไปเองแล้วลืม เจ้าหน้าที่ส่งกลับบ้านแล้ว
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 25 กุมภาพันธ์ นายนิยม ชุมสงฆ์ ผอ.กองสวัสดิการสังคม อบต.หนองละลอก จ.ระยองได้เปิดเผยหลังเข้าช่วยเหลือ นายสมเกียรติ อายุ 59 ปี ว่าได้เข้าสอบถาม จนได้ใจความว่าหลานเอามาปล่อย ไว้หน้าวัด ก่อนจะประสานกู้ภัยและทางวัดให้นายสม้กียรติมีที่อยู่ ให้ได้มีที่กินที่นอนไปก่อน เพราะขานายสมเกียรติก็ไม่ค่อยดี จากนั้นจะประสานเจ้าหน้าที่ มาดูแลเรื่องราวทั้งหมดว่าเกิดอะไรกับตัวเขา
ลุงเล่าให้ฟังเสียงแผ่วๆ ทั้งน้ำตา โดนหลานเอามาปล่อยไว้ที่หน้าวัด ยังไม่รู้จะไปไหน ก็เลยนอนหน้าวัดแบบนี้ ตาของลุงก็มัวๆ มองไม่ค่อยเห็น คิดถึงแต่ภรรยาที่ป่วยอยู่ที่บ้าน ป่านนี้จะเป็นยังไง ขอนอนกลางถนนแบบนี้
ก่อนจะมีคนมาพบแล้วประสานเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชาวบ้านชาวช่องต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นสิ่งสะเทือนใจมากขนาดเอาสุนัขมาปล่อยที่วัดว่าแย่แล้ว เจอแบบนี้ ก็ต่างขอเป็นกำลังใจให้กับนายสมเกียรติ
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่กองสวัสดิการและสังคมได้เข้ามาช่วยเหลือโดยนายสมเกียรติ แจ้งว่าตนเองถูกหลานนำมาปล่อยไว้หน้าวัด จนต้องนอนกลางถนน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาดูแลและสอบถามเรื่องราวต่างๆ ที่โดนหลานนำมาไว้ที่หน้าวัด ถ้าหากเป็นเรื่องจริง เจ้าหน้าที่ก็จะเรียกครอบครัวนายสมเกียรติมาสอบถามหาสาเหตุที่กระทำแบบนี้ ซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่ติดต่อญาติได้แล้ว ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ลงมาช่วยดูแล
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ นายอนุวัฒน์ จันทร์ถนอม สมาชิก อบต.หนองลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าหลังทาง อบต.หนองละลอก ประสาน พม.ระยอง เข้าช่วยเหลือ นายสมเกียรติ อายุ 59 ปี ที่อ้างว่าถูกหลานนำมาทิ้ง
นายอนุวัฒน์ กล่าวว่า ตามที่ได้รับมอบหมายฯ ให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือ กรณีชายเร่ร่อนอยู่บริเวณวัดเขาโพธิ์ ม.11ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ซึ่งทราบว่าชื่อคือ นายสมเกียรติ อายุ 59 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ม.1 ต.ห้างสูง อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี โดยได้ประสานความร่วมมือกับศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ระยอง ส่งตัว นายสมเกียรติ กลับถึงบ้านลูกสาวที่ จ.ชลบุรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากการสอบสวนทราบจากลูกสาวว่า ไม่ได้มีใครนำมาทิ้ง แต่เป็นการเดินทางมาจังหวัดระยองเองแล้วหลงลืม
อย่างไรก็ตามนี่ถือเป็นแง่มุมหนึ่งของการดูแลผู้ชราซึ่งอาจเกิดขึ้นจากความเข้าใจผิดที่เกิดจากความหลงลืม จึงอยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ในการดูแลผู้สูงอายุ