ครูทวงความยุติธรรม ลูกศิษย์ค้ายาซิ่งหนีจับกุม รถชนเสาไฟตาย ลั่นตำรวจทำผิดยุทธวิธี
จากกรณีรายการนักรบด่านเถื่อน ดำเนินรายการโดยนายเกรียงไกร ไทยอ่อน คณะกรรมการธรรมาภิบาล จ.หนองบัวลำภู ทางช่องยูทูบเกรียงไกร ไทยอ่อน 1 ได้เชิญ นายยุทธพล หรือ ครูเหมา อายุ 40 ปี ชาว จ.อุดรธานี พูดคุยเรื่องร้องเรียนหลังจากที่นายอัตติชาติ หรืออัต อายุ 28 ปี อดีตลูกศิษย์ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ส สีขาว ทะเบียน ขฉ 2549 อุดรธานี เสียหลักชนเสาไฟฟ้า เหตุที่บ้านหนองบั่ว ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อเวลา 20.55 น. วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566
แต่มีข้อมูลว่านายอัตถูกไล่ล่าด้วยรถกระบะคันหนึ่ง และมีการยิงปืนข่มขู่ โดยมีหลักฐานเป็นคลิปเสียงขอความช่วยเหลือจากเพื่อนระบุว่าถูกตำรวจไล่ล่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ริมทางหลวงชนบท อด.4081 บ.สามพร้าว-บ.สร้างแป้น หน้าบ้านเลขที่ 16 บ.หนองบั่ว ม.7 ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี จุดเกิดเหตุที่รถเก๋งของนายอัตชนเสาไฟฟ้าจนเสียชีวิต นางเจนจิรัสตรา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ปฏิบัติงานอุบัติเหตุและสาธารณภัย สนง.สสจ.อุดรธานี และคณะลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ โดยมีนายเจริญ เมสุ ส.อบต.สามพร้าว นางศิริรัตน์ ผาทอง ผญบ.หนองบั่ว และชาวบ้าน ชี้จุดเกิดเหตุและให้ข้อมูลในเบื้องต้น ก่อนที่นายยุทธพล หรือ ครูเหมา อดีตครูนายอัต เดินทางมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม
นายเจริญ เมสุ ส.อบต. เล่าว่า คืนเกิดเหตุ รถเก๋งสีขาวขับมาด้วยความเร็วสูงและชนเสาไฟฟ้า เสียงดังมาก คนขับตายคาที่ 1 ศพ ทำให้มาตรวัดน้ำประปาของตนพังเสียหาย รถเก๋งขับมาด้วยความเร็ว ขับแซงรถชาวบ้าน แต่ไม่มีรถไล่ติดตามมา ไม่ได้ยินเสียงปืน ส่วนสาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุ เพราะขับรถเร็ว ถนนก็เป็นเส้นทางตรง ไฟฟ้าส่องสว่างมีเพียงพอ เมื่อตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุ ก็ลือกันไปต่างๆ นานา ว่า มีรถไล่ติดตามมาและไล่ยิง ก็แค่ข่าวลือ
นางศิริรัตน์ ผาทอง ผู้ใหญ่บ้านหนองบั่ว เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุเวลาประมาณ 20.50 น. ช่วงเวลานี้ตามชนบทก็จะเงียบมาก ได้ยินเสียงรถคันเกิดอุบัติขับมาด้วยความเร็ว แล้วเสียหลักชนเสาไฟฟ้าเสียงดังมาก ตนและชาวบ้านก็เดินออกมาดู เห็นรถเก๋งสีขาวอัดก๊อปปี้กับเสาไฟ ศพกระเด็นออกมา รองเท้าเสื้อผ้ากระเด็นออกจากรถเข้าไปในบ้าน แต่ไม่เห็นรถไล่ติดตามรถคันเกิดอุบัติเหตุมา เพราะพอรถเก๋งชนเสาไฟฟ้า ตนและชาวบ้านออกมาดู และไม่ได้ยินเสียงปืน เส้นทางนี้ไม่ค่อยเกิดอุบัติเหตุ และไม่คิดว่าจะมีอะไรตัดหน้ารถจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ
นายยุทธพล หรือ ครูเหมา เปิดเผยว่า ตนเคยเป็นครูสอนวิชาพละศึกษา เคยสอนนายอัตช่วง ม.ต้น นายอัตจบแล้วก็ไปเรียนสายอาชีวะ โรงเรียนช่างแห่งหนึ่งในจังหวัด กลุ่มของนายอัต ตนเองสนิทสนมกันดี เนื่องจากเคยเป็นโค้ชฟุตบอลให้ นายอัตไม่ได้เล่นฟุตบอล แต่จะมาช่วยเหลือในทีมตลอด วันครูทุกปีจะจัดมีตติ้งขอบคุณตน ทำให้มีความผูกพันกันพอสมควร วันเกิดเหตุตนกำลังจะพักผ่อน ลูกศิษย์ที่เป็นเพื่อนกับนายอัตเห็นข่าวจากเพจเฟซบุ๊กว่านายอัตเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ก่อนโทรมาบอกตน ซึ่งตนก็ตกใจมาก
หลังจากเกิดเหตุการณ์แล้ว เพื่อนๆ ของนายอัตได้ส่งข้อมูลมาให้ ว่านายอัตถูกกลุ่มคนที่ระบุว่าเป็นตำรวจขับรถกระบะไล่ล่า ตนจึงอยากต่อสู้เรื่องนี้ให้กับลูกศิษย์เพื่อขอความยุติธรรม ตนเลยนำเรื่องราวไปโพสต์ในโซเชียล จนมีคนส่งข้อมูลเข้ามาให้พอสมควร ประกอบกับมีคลิปเสียงจากแชทเฟซบุ๊กของนายอัต ที่มีการส่งข้อความเสียงมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ตนจึงมั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องอะไรมากกว่าอุบัติเหตุแน่นอน และมั่นใจว่านายอัตถูกตำรวจไล่ล่า จนต้องหนีตายขับรถเร็วจนเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต
ครูเหมา เปิดเผยอีกว่า จากหลักฐานแชทเฟซบุ๊กของอัต พบว่ามีการติดต่อกับผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า เจมส์ อมร มีการนัดหมายเพื่อให้ไปหากันหลายจุด มีการเปลี่ยนจุดนัดหมายกันหลายครั้ง แต่ไม่รู้ว่านัดหมายกันเรื่องอะไร เพราะในแชตนั้น เจมส์ อมร ได้ลบแชกออกไปทั้งหมด เหลือเพียงแชทของนายอัตว่าอยู่ตรงจุดที่นัดหมายแล้ว ต่อมาจึงเป็นแชทของเพื่อนนายอัตที่ระบุว่า ถูกไล่ล่าจากตำรวจ นอกจากนั้นยังมีข้อมูลจากผู้ใช้เฟซบุ๊กหลายคน ส่งข้อความมาบอกว่าเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ รถของนายอัตถูกรถกระบะ 4 ประตู สีขาว ขับไล่ล่าจากตลาดคลองถมสามพร้าว และมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด มีคนระบุว่าเป็นตำรวจชุดสืบสวน จ.อุดรธานี เพราะจำหน้าได้ตอนถูกตรวจปัสสาวะ
เมื่อวานนี้มีคนอ้างว่าเป็นนักข่าวโทรมาหลายสาย ตนก็ให้ข้อมูลไปหลายอย่าง จนครอบครัวของนายอัตที่ว่าจะต่อสู้เพื่อความยุติธรรมกลับคำไม่ต่อสู้อีก แต่ตนยืนยันว่าจะสู้ต่อเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้เด็ก ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้กับใครอีก เรื่องความผิดของนายอัตตนไม่รู้ แต่ตนมองว่ามันเป็นการเข้าดำเนินการที่ผิดพลาดของตำรวจ มันเป็นการทำงานที่ผิดยุทธวิธี จนทำให้เด็กต้องขับรถหลบหนีด้วยความเร็วจนเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตในที่สุด
ด้าน พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า คดีนี้ได้ตรวจสอบให้พนักงานสอบสวน และฝ่ายสืบสวนจับกุมรายงาน ทราบว่าวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 ก่อนเวลา 22.00 น. ซึ่งอยู่ในช่วงระดมกวาดล้าง ได้สืบสวนวางแผนจับกุม มีการล่อซื้อยาบ้าจำนวน 2,000 เม็ด จากนายอัตติชาติ เมื่อวางแผนล่อซื้อเสร็จ ได้ให้มีการส่งของที่หลังตลาดบ้านสามพร้าว และยังสืบทราบว่านายอัตติชาติมีหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ 27/66 ฐานความผิด ““จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้ในครอบครอง โดยกระทำเพื่อการค้า อันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ในการวางแผนการล่อซื้อต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะต้องมีการระมัดระวังตัวและมีอาวุธปืน เมื่อถึงเวลานัดหมาย ก็ขับรถเข้ามาในพื้นที่นัดหมาย แต่ไหวตัวทัน ขับรถพุ่งออกมาจากที่เกิดเหตุด้วยความรวดเร็ว ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นชุมชน เป็นตลาด มีรถสัญจรจำนวนมาก ตำรวจไม่ได้ไล่ติดตาม ซึ่งรถนายอัตติชาติได้ขับผ่านชุมชน ตลาด และไปเสียหลักเกิดอุบัติเหตุชนเสาไฟเสียชีวิต เพราะเป็นทางที่มีทัศนวิสัยไม่ดี ซึ่งมีระยะทาง 5 กิโลเมตร
“พนักงานสอบสวนคดีจราจรได้ออกไปตรวจที่เกิดเหตุ ได้ส่งศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาล ศพไม่มีร่องรอยกระสุน รวมทั้งสภาพรถไม่มีร่องรอยกระสุนแต่อย่างใด ส่วนเรื่องที่ประชาชนสงสัยว่า ในที่เกิดเหตุทำไมไม่พบยาเสพติด ซึ่งในการส่งยาบ้าในปัจจุบัน มีหลายเทคนิค ส่วนใหญ่จะวางยาบ้าไว้ที่อื่น แต่จะมาเอาเงินจากผู้สั่งซื้อ จะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย จะตรวจข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น อยากให้ประชาชนให้กำลังใจกับผู้ปฎิบัติงานด้วยความวิริยะอุตสาหะด้วย” ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี กล่าวในที่สุด