"หน่อย บุษกร" แอบใจหายถ้าลูกชายมีแฟน เล่าโมเมนต์หวาน "เคน" มีเรื่องให้หยุมหัวตลอด

"หน่อย บุษกร" แอบใจหายถ้าลูกชายมีแฟน เล่าโมเมนต์หวาน "เคน" มีเรื่องให้หยุมหัวตลอด

"หน่อย บุษกร" แอบใจหายถ้าลูกชายมีแฟน เล่าโมเมนต์หวาน "เคน" มีเรื่องให้หยุมหัวตลอด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มีโมเมนต์อบอุ่นน่ารักให้เห็นกันตลอด สำหรับครอบครัวของนักแสดงมากฝีมือ หน่อย-บุษกร วงศ์พัวพันธ์ กับพระเอกหนุ่ม เคน ธีรเดช มักจะมีภาพยกบ้านทำกิจกรรมสนุกๆ กับ 2 ลูกชายสุดที่รัก น้องคุน คุนนธรรม อายุ 14 ปี และ น้องจุน ธิปไตย อายุ 12 ปี ที่ตอนนี้เริ่มโตทันกันแล้ว ทำให้ทั้ง คุณพ่อ-คุณแม่ แสดงความเป็นห่วงลูกๆ อยู่ไม่น้อย

เมื่อ sanook.com มีโอกาสได้พูดคุยกับ หน่อย บุษกร จึงถามถึงเรื่องการเลี้ยงลูก และความหวงลูกชายทั้ง 2 คน ที่ตอนนี้กำลังโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้วด้วย พร้อมทั้งการตัดสินใจกลับมารับงานแสดงเต็มตัว ในรอบ 2 ปี เรื่อง สะใภ้สายสตรอง กับบทบาท มาดามนวล แม่ผัวสายฟาดวางแผนเปิดศึกกับลูกสะใภ้ตลอดเวลา ซึ่งละครกำลังสนุกสนานเข้มข้นเลยทีเดียว ออกอากาศทางช่อง 3HD ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น.

กลับมาเล่นละครเต็มตัวในรอบ 2 ปี

“จาก ทุ่งเสน่หา เนอะ ก็มีเรื่องนี้ต่อเลย คือตอนแรกกะว่าตัวเองจะจบที่ ทุ่งเสน่หา เรื่องนั้นก็สาหัสสากรรจ์ เพราะจริงๆ เราก็เต็มอิ่ม ความรู้สึกเราจากตอนนั้นมัน 10 ปี แล้วก็มาเล่น ทุ่งเสน่หา ก็รู้สึกสุดๆ เราก็จะมาทำเบื้องหลังแล้วล่ะ”

“คือตอนนั้นเหมือนตัวเองอยากจะเป็นคุณแม่เต็มตัว ดูแลลูก ไม่ได้คิดว่าจะทำงานเบื้องหน้าแล้ว คือเบื้องหลังมันยังทำได้ เพราะเรายังแวะไปรับลูก ไปโน่นนี่ เพราะเบื้องหน้ามันจะทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ มันต้องอยู่ข้างหน้า ต้องทำงาน พอมาเป็นเรื่องนี้ ตอนแรกพี่คิงก็ติดต่อมาว่าเป็นคอมเมดี้ เราก็โอเคน่าจะไม่เครียด น่าจะสบายแล้วก็ เออ คงไม่ต้องใช้พลังเยอะ สรุปแม่ล้วนๆ แม่ดราม่าอยู่คนเดียว”

ลูกๆ โตหมดแล้วเลยกล้ารับงานแสดง

“ก็ด้วย แต่ว่า ถ้าถามว่าช่วงนี้ลูกก็เป็นอีกหนึ่งหัวเลี้ยวหัวต่อนะ กำลังเป็นวัยรุ่น มันก็จะเป็นจุดเทิร์นของเขาอีกอันนึง บางทีวัยรุ่นอารมณ์ก็พลุ่งพล่าน ฮอร์โมนกำลังเต็มที่ถ้าเราไม่ได้ไปโฟกัสกับเขา บางทีมันก็จะมีแบบอารมณ์วัยรุ่น”

นอกจากหลงกลรับเล่นเรื่องนี้เพราะเป็นคอมเมดี้ ยังมีอะไรอีกที่ทำให้ตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้

“โดยรวมก็เป็นอันนี้ค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องคอมเมดี้ มีใครเล่น เราก็เออๆ ก็ได้ค่ะๆ ตอนแรกแค่กลัวเรื่องคิว เพราะตอนนั้นมันชนกับงานของเราด้วย เดี๋ยวจะแยกกันยังไง คิวตรงกันเป๊ะๆ ทุกอย่างเลย สรุปคือแยกร่างไม่ได้(หัวเราะ)”

รับเล่นรื่องนี้แล้วต้องจัดเต็ม

“ก็ต้องทำให้เต็มที่ ในบทพี่เปิดแม่ๆๆ เฮ้ย ทำไมแม่เยอะอย่างนี้(หัวเราะ) มีโวยวายนิดหน่อย เฮ้ย ทุกหน้าเลย เราก็กะว่าเป็นแม่จะสบาย ก็สนุกดีๆ ในขณะที่เราตัวตึงดราม่าอยู่คนเดียว รอบข้างก็จังหวะคอมเมดี้ใส่ คือตัดต่อออกมาก็ตลกอะ”

“ใช้พลังงานเยอะมาก พูดเลยว่ามาก ว่า ทุ่งเสน่หา เยอะแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่แพ้กัน มันเป็นพลังอีกแบบนึง อันนั้นมันจะบ้านทุ่ง ร้อน ตัวละครเยอะ เรื่องนี้ก็พลังดราม่าองค์ลงแทบทุกฉากเลย ไม่มีมาง่ายๆ บางทีก็พูดอะไร พูดอยู่คนเดียว ลูกชายต่อหน่อยสิ  ลูกชายก็ ครับ แม่ 5 บรรทัด ลูกชาย ครับ แม่ 3 บรรทัด ลูกสะใภ้ 1 ประโยค”

อยู่ในหมู่มวลคอมเมดี้ แต่เราดราม่าต้องใช้สมาธิขนาดไหน

“โอ้โห สุดอะ บางทีเราต้องฝืน ต้องกัดลิ้น อย่างเข้ากับตัวละครตัวอื่น ถ้าเขาไม่รับเรานะ พี่ก็จะยืนตัวโยกอยู่อย่างนี้ ทุกคนก็จะแม่ มันอดขำไม่ได้”

เรื่องนี้ร้ายขนาดไหน

“มันจะร้ายกับลูกสะใภ้ เหมือนแบบเอาคืนกัน ร้ายมาร้ายกลับเอาคืนทุกทาง แต่ไม่ถึงขั้น ก็มีบ้างที่ตบนะ แต่ไม่ถึงขั้นขนาดนั้น มันจะร้ายสู้กันทางความฉลาด แล้วก็ต้องร้ายแบบเล่นตลก มันมีหลายซีนที่แบบบ้าบอ มันไม่ใช่ร้ายวางแผน แต่เป็นร้ายแบบตะโกนว่ากูร้าย”

ต้องใช้พลังเยอะขนาดนี้ มีเอฟเฟ็กต์อะไรกลับไปบ้านบ้างไหม

“ไม่ค่อย เพราะปล่อยที่กองไปหมดแล้ว ไม่เอากลับมาค่ะ ตอนเล่นเราก็รู้สึกว่าแบบ กูอีกแล้วอ๋อ แม่ เรียกอยู่นั่น บางวันนะพี่เหมือนเป็นพิธีกร แล้วแขกรับเชิญมา ไอ้คนนี้มาฉากนึงไป เปลี่ยนหน้ามา ไปอีกแล้ว แต่เราอยู่ห้องนี้ทั้งวัน ทุกคนวันนี้มาคนละฉากๆ ทุกคนจากเราไป เราอยู่ตั้งแต่เช้ายันหมดเลิกกอง”

ได้บอกลูกก่อนไหม แม่จะรับเล่นละครบทร้ายนะ

“เขารู้แหละ บางทีเขารู้จากเพื่อนจากคนรอบข้าง บางทีเราไม่ต้องบอกเลย ถ้าเขาดูเขาต้องอะไรอะแม่ เพราะอยู่ที่บ้านไม่เป็นไง อยู่ที่บ้านจะไม่ค่อยพูด ถ้าแม่พูดออกมาก็มีเรื่อง”

ในเรื่องเล่นเป็นแม่ผัว ลูกชายดูแล้วจะคิดว่าแม่จะเป็นแบบในละครไหม

“ลูกตอนนี้ 14 ลูกก็คงยังไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้น ลูก 14 ก็ยังไม่มีแฟน เขายังไม่มีอะไรแบบนั้น เคยคิดเหมือนกันเราจะเป็นแบบไหน ถ้าเผื่อลูกเราบอกว่าจะมีแฟน เขาเคยเดินมาบอกนะ เหมือนแบบมีผู้หญิงมาบอกชอบเขา แล้วเขาก็คิดว่าเขาก็น่าจะชอบ อันนั้นใจหายนะ มีความรู้สึกว่า ฮะลูกเราถึงวันนั้นแล้วเหรอ เขาจะมีแฟนเหรอ แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่หว่า ทุกวันนี้ก็ยังไม่เห็น เขาก็บอกไม่คุยกันละเลิกกันละ คนโตๆ แต่เขาไม่เคยไปไหนอะ เขาชอบอยู่บ้าน แบบนั้นเขาไม่เรียกว่าแฟนหรอกลูก”

แม่แอบคิดเตรียมใจไว้ก่อนเหมือนกัน

“ก็มีแหละ ก็ต้องเตรียมใจลูกเราผู้ชายนะ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายผู้หญิงวันนึงเขาก็ต้องมีครอบครัว มีแฟน มีอะไรของเขา ก็ทำใจว่าเราคงต้องอยู่คนเดียว เพราะลูกผู้ชายทั้งคู่ด้วย”

พอพูดเรื่องนี้ดูเศร้าเลย

“ดราม่าเลยใช่มะ พูดแล้วน้ำตาจะไหล มองเห็นอนาคตตัวเอง ตายแล้วฉันจะอยู่บ้านพักคนชรามั้ยเนี่ย ถามว่าเราหวงเขาเหรอ ไม่ๆ ไม่ได้บอกว่าหวง โถ่ อนาคตแม่จะยังไงเนี่ย เด็กผู้ชายสองคนก็พูดเปรยๆ นางก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ไม่รู้เรื่อง แต่บอกฝากความหวังไว้กับเพื่อนๆ ว่า เฮ้ย ยังไงเราต้องเกาะกลุ่มกันไว้นะ ลุกฉันก็ผู้ชายลูกแกก็ผู้ชาย คือเด็กผู้ชายเราจะไปหวังให้เขามาแบบไอ้นี่เราไม่ได้เนอะ เราต้องดูแลตัวเอง เตรียมของเราไว้”

“ตอนนี้เขามีคอนโดหมู่บ้าน เราไปซื้ออยู่ด้วยกันมั้ย เราต้องศึกษานิดนึงนะ เราต้องเตรียมวางแผน ต้องคิดเผื่ออนาคตนิดนึง วางแผนไว้เบาๆ ไม่ได้จริงจัง มาดูตอนนี้แล้วแบบเวลาเราไม่สบาย ไม่เห็นมีใครสนใจฉันเลย วันที่พี่เป็นโควิดอันนั้นมันทำให้พี่รู้สึกว่า สุดท้ายกูต้องไปอยู่บ้านพักคนชราแน่เลย คือไม่มีใครสนใจเราเลยจริงๆ นะ เฮ้ย พี่ต้องโทรไปอยู่โรงพยาบาลดีกว่า ให้พยาบาลส่งข้าวส่งน้ำก็ยังดี”

ลูกกลัวติดเลยไม่กล้าเข้าใกล้

“ก็ใช่แหละ แต่ว่าในจุดนั้นเราก็เหมือนแบบ ทั้งพ่อทั้งลูกไม่มีใคร ทำไมเราเป็นที่รังเกลียดขนาดนั้น ตอนนั้นสถานการณ์คือพี่เคนก็ไปต่างจังหวัด พี่อยู่บ้าน พอพี่รู้ว่ามันขึ้นสองขีด พี่ก็โทรบอกน้องสาวให้มารับลูกออกจากบ้านไปเลย พอเด็กไปอยู่อีกบ้านนึง พี่ก็เหมือนอยู่คนเดียว พออยู่คนเดียวพี่ก็แบบ อืม โอเคงั้นฉันไปอยู่โรงพยาบาล โทรไปขอห้อง พอรักษาตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้องกลับมาอยูบ้าน เพื่อจะกักตัว ไอ้วันกักตัวมันเห็นไง”

“วันนั้นเรายังไม่รู้สึกถึงความแบบ ไอ้วันกักตัว เรานึกในใจเราหายแล้ว แล้วเราก็ไม่ได้ไปไหน เราก็อยู่ของเราคนเดียว แต่การที่เรา สมมติว่า ลูกคนเล็กบอกอยากกินขนม สมมติว่าเป็นโดนัท ก็สั่งโดนัทมา เราก็หยิบไปอันนึง แล้วพี่เคนก็บอกใครให้หยิบก่อน หยิบก่อนแล้วใครจะกินต่อ คือขนาดอยู่ข้างนอก เรากักตัวของเราอยู่ตรงนี้แล้วเราหายแล้วด้วย เราอยู่ระเบียงบ้าน อืม ใครกินต่อไม่ได้ มันคือโดนัทจากการหยิบไม่ใช่เอาปากกัด แล้วเราล้างมือแล้ว นางก็แบบไม่ได้ต้องระวังก่อน อืม โทษแม่อีกแล้ว ตอนนั้นมันก็ดิ่งๆ เราก็เหมือนนั้นไงกูว่าแล้ว กูจุดนั้นแล้วล่ะ ว่าจะต้องไม่มีใครดูแลกูแน่เลย”

ตอนนี้เล่าเหมือนตลก ณ ตอนนั้นมันไม่ตลก

“ไม่ตลกๆ น้ำตาตกใน ถามว่าได้บอกความรู้สึกนี้กับพี่เคนมั้ย บอกๆ แทบจะตีกันเลย เพราะเหตุการณ์อีกอันนึง พี่กักตัวอยู่ในห้อง แล้วเขาจะใช้บริเวณข้างนอกได้ เขาจะเดินอยู่พี่ก็เปิดหน้าต่างออกไปอยากได้น้ำที่อยู่ในตู้เย็น นางกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ก็เดินไปหยิบน้ำมาให้ แล้วน้ำก็ขว้างน้ำเข้าหน้าต่าง เชื่อเปล่าว่านางขว้างเม่นมาก แหมะเข้าตรงลูกตาของพี่เขียว”

“แล้วพี่ก็แบบฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ฉันต้องเข้าโรงพยาบาลอีกเหรอ ก็ปรี๊ดนิดนึง แต่เขาบอกไม่ได้ตั้งใจก็ไม่หลบเอง ฉันต้องหลบเหรอ ทำไมเธอขว้างขนาดนั้น แล้วทำไมเธอต้องกลัวฉันขนาดนั้น คือหายแล้วไม่ได้เป็นอะไรเลย ทุกอย่างเราก็พยายามดูแลตัวเอง ไม่ให้เป็นที่เดือดร้อนของทุกคน ตอนนี้ปกติแล้ว นี่คือเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วเลยเล่าให้ฟัง”

เรื่องความหวงลูกชายพี่เคนก็เคยบอก จริงๆ เรารู้ตัวว่าเราห่วงเขามากๆ

“ไม่หรอก พี่ว่าก็แม่ทุกคนแหละ แม่มีลูกสาวก็ต้องหวงลูกสาว แต่ตอนนี้ถ้าถามว่าเขาจะมี มันก็เป็นเรื่องของเขาแล้วล่ะ เหมือนแค่ใจหายนิดนึง แสดงว่าลูกเราโตแล้วสิเนอะ เขาจะไม่ใช่เด็กๆ ของเราอีกต่อไป เราจะเรียกเขามาฟัดมันก็ไม่ได้อีกแล้ว”

สนิทกับลูกมากไปไหนไปด้วยกันตลอด ตอนนี้เด็กๆ โตแล้ว ทุกวันนี้ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ไหม

"เป็นอย่างนั้นแม้ว่าเขาจะโตแล้ว ก็เข้าใจนะเวลาเขาอยู่โรงเรียนเขาก็จะเก็กๆ คีพคูล แต่พอเวลาอยู่ในรถ แม่ขอหอมหน่อยเขาก็จะยื่นหน้ามาให้ได้ อย่างเช่นคนเล็ก น้องจุน วันนึงพาเขาไปซื้อของ ขอจับแทนหน่อย เขาก็จะเอามือล้วงกระเป๋าบอก เขามือล้วงกระเป๋าอยู่  ก็จะอายๆ เพราะว่าเขาโตแล้ว”

“พี่ถึงได้บอกว่า วัยรุ่นมันเป็นวัยที่น่าเป็นห่วง นอกจากวัยเด็กแล้ว เราคุยกับเพื่อนๆ หลายๆ คนแล้ว เลี้ยงลูกวัยรุ่นมันเป็นวัยที่สามารถเพลิดเพลินไปกับอย่างอื่นได้ ถ้าจะติดเพื่อนไปเลยก็ได้ เราก็จะต้องอยู่กับเขาแบบเป็นเพื่อน ดุมากก็ไม่ได้ ปล่อยมากก็ไม่ดี แต่พอเราเล่นเราดุมาก เขาก็จะไม่ค่อยเข้าหาเรา ส่วนพี่เคนเขาก็จะพยายามเลี้ยงให้เป็นเพื่อน เขาจะชอบเล่นเป็นเพื่อนกับลูก ลูกมีอะไรก็เล่าให้เขาฟัง  อย่างเขาก็จะมาบอกว่า แม่เวลาที่ลูกมาเล่าอะไรให้ฟังเราอย่าเพิ่งไปบอกว่าไม่นะ เรารอให้เขาเล่าให้ฟังให้จบก่อนอย่าไปดุเขา เดี๋ยวเขาจะไม่เล่าอะไรให้เราฟังอีก"

หลักการเลี้ยงลูกของบ้านเรา

"จริงๆ ก็เคยคุยว่าจะเลี้ยงแบบนี้แหละ จะแบบปล่อยๆ เลี้ยงมาเป็นเพื่อน คือพี่จะเป็นฝ่ายที่ดุสม่ำเสมอ ดุตลอดนะคะ แต่พี่เคนเขาจะเหมือนเล่นๆ นะแต่ว่าวันไหนที่เขาดุลูกจะกลัวเขา เขาก็จะเลี้ยงเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว เวลาไปไหนเขาก็จะพาลูกไปเล่น เวลาไปข้างนอก นี่ก็จะไปเดินช้อปปิ้งแม่ก็จะอยู่คนเดียว ตอนนี้ก็จะเหมือนไปช่วยแม่ถือของเขาก็จะโตได้เรียนรู้"

ลูกทั้งสองคนติดใครมากกว่ากัน

"ตอนเนี่ยคนเล็กก็เริ่มโต เมื่อก่อนนี้คนเล็กก็เหมือนติดแม่เกาะแขน แต่ตอนนี้เขาอายุ 12 เขาก็จะค่อนข้างเขินอายทิ้งห่างแม่ แต่พออยู่ในห้องก็ยังเป็นลูกคนเล็ก"

ลูกมีเรื่องให้ปวดหัวไหม

"ไม่นะ เอาจริงๆ พี่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าลูกจะเรียนเก่ง จะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้  มันก็ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง พี่จะเป็นสายบอกว่า ถ้าลูกอยากเรียนอะไรเพิ่มเติมก็บอกนะ บางทีตัวเล็กชอบดูติ๊กต๊อกบ่อยๆ เราก็ทักว่าวิธีการพูดทำไมมันเหมือนเสียงในติ๊กต็อกเลย บางทีมันเป็นไปแบบไม่รู้ เราก็จะบอกเขาว่าน้องเริ่มพูดแบบในติ๊กต็อกแล้วนะ”

เรื่องของโซเชียลเป็นดาบสองคม เราได้แนะนำลูกไหม

"ก็บอกนะว่าถ้าลูกไปกดสนใจอะไร มันก็จะขึ้นมาแบบนั้น เขาก็รู้แหละ พี่เคนจะให้เวลาว่าถ้าตอนเนี่ยอยู่กับโทรศัพท์เยอะไป ถ้าอยากจะดูแบบทั้งวันก็ให้วันเดียวในหนึ่งอาทิตย์ แต่ถ้าจะเป็นเวลาทีละนิดก็จะกระจาย  แต่ถ้าวันธรรมดาจะไม่ให้เลยจะให้ดูแค่เสาร์-อาทิตย์เท่านั้น เขาก็จะหากิจกรรมให้ลูก พาลูกไปข้างนอก"

ด้วยความพ่อแม่มีชื่อเสียง คุยกับลูกไหมต้องวางตัวในการใช้ชีวิตยังไง

"ไม่นะ ก็ไม่ได้จำกัด เราก็สอนแค่ว่าการมีน้ำใจซื่อสัตย์และเป็นคนดี ให้มันเป็นพื้นฐานไม่ได้จะต้องบอกว่าระวังให้พ่อแม่ด้วยนะ ก็สอนลูกว่าให้เป็นไปตามกฎกติกา เราไม่ได้มีอภิสิทธิ์ใดๆ การเดินทางบ่อยก็จะช่วยได้ เพราะมันจะเป็นไปตามกฎระเบียบของแต่ละประเทศ เพราะว่าเขาตั้งกฎยังไงเราก็จะต้องทำตามกฎเขา เราไม่ได้มีอภิสิทธิ์ แต่เราก็โชคดีนะ”

“เพราะครูเคยเล่าให้ฟังว่า คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงมาดีจังเลย พาน้องไปทัศนศึกษา น้องไม่ใช้เงิน ครูบอกให้ลองเลือกของชิ้นหนึ่ง ไปทัศนศึกษาจะได้เก็บมาไว้เป็นที่ระลึก แต่เขาก็บอกว่าไม่เอาไม่ชอบ ถ้าไม่ชอบก็จะไม่ซื้อ อ๋อ อันนั้นน่าจะได้จากพ่อ ไม่น่าจะได้จากแม่ จริงๆ ไม่ได้สอนขนาดนั้น แต่ว่าเด็กมันก็รู้ว่าอาจจะเป็นนิสัยติดมาด้วย ถ้าน้องไม่ชอบก็คงไม่ชอบอะไรแบบนั้น เพราะครูบอกให้ซื้อสักชิ้นน้องก็บอกว่า ไม่ชอบเลยสักชิ้น เขาจะรู้ว่าถ้าซื้อมาเขาก็จะไม่ได้ใช้ คือเขาก็รู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นจะต้องเหมือนใคร เขาก็จะรู้สึกว่าเพื่อนมี เขาไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เราไม่จำเป็นต้องมีเหมือนกันทุกคน เขาจะรู้ตัวเขาเองว่าเขาไม่ชอบก็คือไม่ชอบ"

ลูกทั้งสองคนมีคาแร็กเตอร์เหมือนกันไหม

"พี่ว่าคนโตนิสัยเหมือนพี่เคนเขาจะมีโลกส่วนตัว เขาก็อยู่ของเขาไม่ค่อยพูด หลายๆ คนก็จะชอบถามว่าทำไมน้องคุณ ไม่ออกไปทำกิจกรรมกับเพื่อน คือเขาจะเป็นแบบนี้ ไปได้นะแต่เขาจะไปนั่งอยู่คนเดียวไปอยู่ของเขา แต่คนเล็กก็จะเหมือนพี่นะเขาจะสามารถไปกับทุกคน แต่น้องคุณเขาก็มีเพื่อนสนิท แต่เขาไม่ใช่เป็นคนที่แบบไปเจอสังคม ไปอยู่กับคนเยอะๆ แต่ในขณะที่ตัวเล็กเขาสามารถ"

เห็นหลายๆ คลิปเขาเป็นคนที่รักเด็ก

"ใช่ๆ เขาจะไม่แกล้งน้อง เขาจะเป็นคนที่ดูแลน้องได้ อย่างสายฟ้าพายุนางก็จะสามารถเล่นกับน้อง เพราะถ้าเกิดเปรียบกับเด็กที่เขาวัยรุ่น เขาก็จะแบบอยู่คนเดียวอย่ามายุ่ง แต่กลายเป็นว่าคุณกับจุนเขาเป็นคนที่ไม่ได้รำคาญน้องๆ อย่างตัวเล็กจะชอบจับแก้มแอบิเกล ตั้งแต่พายุก็ชอบไปกดแก้มยุ เอ็นดูน้อง"

วางแผนอนาคตให้ลูกๆ ไว้แล้ว

"ก็ให้เขาเรียนไปตามที่เขาอยากจะเรียน อยากจะทำ ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นยังไงนะ แต่อยากจะให้เขาใช้ชีวิตแฮปปี้มีความสุข ไม่ได้จะคาดหวังว่าลูกจะต้องเก่งที่สุดดีที่สุด หรือทำอะไรให้มันที่สุด เอาให้เขามีความสุขในสิ่งที่เขาทำแค่นั้นแหละ ในขณะเดียวกันก็คือจะต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอื่นด้วยนะ ไม่ใช่ว่าจะไปเอารัดเอาเปรียบคนอื่นเขา"

ลูกแต่ละคนเริ่มฉายแววไปทางไหน

"คือเขาจะค่อยๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ นะ แต่คุณจะเป็นคนที่ชอบกีฬา กีฬาทุกชนิดเขาสามารถที่จะไปเล่นได้ ส่วนตัวเล็กน้องจุนจะเป็นคนชอบดูชอบก๊อปปี้ ก๊อปปี้ท่าทางคนโน้นคนนี้ ก๊อปปี้ท่าเต้นแต่เวลาให้ทำจะไม่ทำนะจะอาย"

ถ้าลูกอยากเข้าวงการพร้อมสนับสนุน

"ใช่ ก็เข้าได้ไม่กีดกัน ก็เป็นอาชีพหนึ่งที่อยากทำก็ทำได้ พร้อมซัพพอร์ตทุกเรื่อง ไม่ว่าเขาจะทำหรือไม่ทำ เพราะว่าสุดท้ายแล้วก็เป็นสิ่งที่เขาเลือก"

ความรักของพี่หน่อยพี่เคนตอนนี้เดินทางมากี่ปีแล้ว

" 22 - 23 ปี วันครบรอบต่างๆ ก็จะเห็นลงรูปเก่าๆ กันเยอะ ก็ตอนย้ายบ้านจะเจอรูปเก่าๆ สมัยที่เขากำลังฮิตฟิล์มเรามีมาแล้ว โพลารอยด์เรามีมาแล้ว(หัวเราะ) เราทำมาก่อนหมดแล้ว เห็นแล้วก็มาลงมันตลกดี ก็คิดถึง"

22 ปี ความรักหวานชื่นเหมือนเดิม

"มันก็เป็นเรื่องปกติ ตีกันก็มี องค์ลงก็มี แต่มันอยู่บ้านเดียวกันนะ สุดท้ายก็อยู่กันไป มันก็เป็นเพื่อนกันไปแล้วแหละตอนเนี่ย มันก็เป็นคนที่ไว้ใจที่สุด มันก็เป็นเหมือนเพื่อนนะ เพื่อนกันมันก็ตีกัน พี่น้องก็ตีกัน พ่อแม่ยังทะเลาะกันเลย เป็นรสชาติชีวิต ดีไปหมดมันก็ไม่ใช่ ต้องมีให้เราครบรส"

มีมุมไหนของพี่เคนที่พี่หน่อยอยากจะหยุมหัว

"หลายพาร์ทเลย ทำไมพูดไม่รู้เรื่องอย่างนี้ บางทีเราบอกว่าอย่าเล่นอะไรให้มันผาดโผน เหมือนมีลูกสามคน อย่างงั้นเลย คนโตเหมือนเป็นคนแรกเลย ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง บอกอย่าคือทำเลย(หัวเราะ) ชอบเล่นอะไรแอดเวนเจอร์ก็บอกว่าเธอรักษาสภาพไว้นิดนึง"

ทะเลาะกันแต่ละครั้งไม่เคยคิดจะปล่อยมือกัน

"ทะเลาะกันแค่ไหนก็ไม่เคยคิดจะปล่อยมือกัน ก็ต้องอยู่กันไปแบบนี้แหละ คือคนเรามันก็ไม่ได้จะเพอร์เฟ็กต์ขนาดนั้น มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ จริงๆ ต่อให้ไม่ว่าคนไหนจะดีที่สุดแล้ว มันก็จะมีมุมให้แบบ นั่นคือบางทีมันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา แต่ในมุมเรา เราอยากจะหยุมหัว พี่ก็เลยคิดว่า อย่าเอาอารมณ์ของเราไปตัดสิน ปล่อยเขาไป"

เรื่องอะไรในครอบครัวเราที่ทำให้คนเขาอิจฉา

"พี่ว่าน่าจะเป็นเพราะพี่เคนเขาเลี้ยงเด็ก เขาชอบเล่นกับเด็ก ชอบเล่นกับลูก หลายคนก็จะบอกว่าดีจังเลยเขาเล่นกับลูก แล้วเขาก็เป็นคนที่จัดกระเป๋าเอง เขาดูแลเองพี่ไม่ต้องทำอะไรเลย อย่างเช่นเวลาที่เราเดินทาง พี่เคนจะดูแลตัวเอง เขาจะใส่อะไรจัดอะไร เขาก็จะบอกลูกว่าลูกไปจัดกระเป๋าเองเลยนะ จะเอาอะไรไปใส่อะไรจัดของตัวเองให้ดีแต่บางคนก็จะบอกว่าที่บ้านเรา เราต้องจัดให้ทุกคนเลย แล้วต้องบอกอีกนะว่าเสื้ออยู่ตรงนั้นตรงนี้ แต่พี่ไม่เห็นจะต้องทำอะไรเลย พี่ก็ เอ้า เหรอนี่ มันมุมดีเหรอ เพิ่งรู้นะเนี่ย"

เราเองเป็นสายแฟชั่น มีจัดการเรื่องแฟชั่นให้กับลูกๆ ไหม

"เอาจริงๆ ก็มีบ้างที่เด็กมันจะใส่อะไรย้วยๆ สบายๆ สมมติไปกินข้าวใส่ย้วยๆ แม่ก็จะบอกออกไปข้างนอกนะลูก ก็จะย้อนเรา แล้วอันนี้ออกไปไม่ได้เหรอครับ ก็ได้ แต่อันนี้เราไปข้างนอกไง ไม่เป็นไรใส่ได้ครับ  เดี๋ยวเราจะต้องไปที่ที่สุภาพนิดนึง นางก็ถอนหายใจใส่นะ เดี๋ยวนะมาถอนหายใจใส่ฉันทำไม มันก็จะเป็นเรื่องอะไรแบบนี้ แต่ไม่ได้ไปบังคับอะไรขนาดนั้น ก็เป็นไปตามกาลเทศะมากกว่า แล้วอย่างตัวเล็กนะชอบใส่รองเท้าแตะ เขาก็ย้อนว่าทำไมแม่ยังใส่เลย แต่แม่ก็ไม่ได้ใส่ไปทุกที ก็จะมีเรื่องจุ๊กจิ๊ก ก็ศึกษาเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ไม่จบหรอก"

ถ้าเกิดในอนาคตลูกมีครอบครัว เราจะเป็นแม่สามีแบบไหน

"จริงๆ แล้วพี่อ่ะเป็นคนยอมคนที่สุดแล้ว พี่เป็นคนที่อะไรก็ได้ ก็หวังว่าความดีของเราจะทำให้เราเจอคนดีๆ ถามว่ามีลูกสะใภ้ในฝันมั้ย ไม่มีเอาคนที่ลูกเราแฮปปี้ที่จะอยู่ด้วยก็โอเคแล้ว เขาเลือกแล้วคนไหน มันก็ต้องเป็นคนนั้นแค่นั้นเอง อย่างน้อยเราก็เคยเป็นลูกสะใภ้มาก่อน เพราะฉะนั้นเวลาเราเป็นแม่ผัว เราก็ต้องเป็นแม่ผัวที่ดีค่ะ(หัวเราะ)"

อัลบั้มภาพ 39 ภาพ

อัลบั้มภาพ 39 ภาพ ของ "หน่อย บุษกร" แอบใจหายถ้าลูกชายมีแฟน เล่าโมเมนต์หวาน "เคน" มีเรื่องให้หยุมหัวตลอด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook