แต่งงาน 11 วัน ภรรยาขอหย่าสามี น้อยใจไม่แตะเนื้อต้องตัว แต่น้องผัวแฉหนังคนละม้วน
ขอหย่าหลังแต่งงานได้เพียง 11 วัน เหตุผลก็คือสามีเย็นชาและเฉยเมยเกินไป ไม่สนใจเรื่อง "เซ็กส์" น้องสามีได้ยินถึงกับฉุน แฉความลับอีกมุมของพี่สะใภ้
ตามรายงานพบว่า หญิงสาวซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลไหหลำ ประเทศจีน ได้แต่งงานกับ นายหลิว ด้วยความช่วยเหลือของแม่สื่อ ตำรวจตรวจสอบเอกสารและพบว่าทั้งคู่แต่งงานกันได้เพียง 11 วัน แต่ล่าสุดกลับแสดงความประสงค์ที่จะขอหย่า
ในเรื่องนี้น้องสาวของฝ่ายชายแสดงความคิดเห็นว่า "ทั้งสองคนเพิ่งแต่งงานกันได้เพียง 11 วัน พวกเขาจะหย่าได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้น พี่ชายของฉันไม่ได้ทำอะไรผิด เธอช่างไร้สาระจริงๆ"
เมื่อได้ยินน้องสาวของสามีพูดแบบนั้น เธอก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่และเล่าให้ตำรวจฟังทันทีถึงความคับแค้นใจที่เธอเผชิญในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา โดยบอกว่าตั้งแต่แต่งงานกันสามีไม่เคยแตะต้องตัวเธอเลย แม้แต่คืนวันเข้าหอแต่งงาน
ครั้งหนึ่งเธอเคยนอนรอสามีอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่เห็นเขาเข้ามานอนเสียที เมื่อเธอไปตัดสินใจเดินออกไปหา ก็พบว่าสามีกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟา เธอเอ่ยเตือนเขาว่าให้เข้านอนแต่หัวค่ำเพื่อรักษาสุขภาพ แต่สามียังคงเพิกเฉยต่อทุกคำที่เธอพูด นอกจากนี้ เธอยังพยายามเกลี้ยกล่อมเขาด้วยความแนบชิดสนิทสนม แต่สามีก็ยังไม่หันมาสนใจ ทำให้เธอรู้สึกโกรธที่ต้องเข้านอนคนเดียว
อย่างไรก็ตาม น้องสาวของเขาสามีโต้กลับว่า พี่ชายของเธอมีเซ็กส์กับพี่สะใภ้ในคืนวันแต่งงาน คำพูดนี้ทำให้คนเป็นพี่สะใภ้ประหลาดใจ ถามกลับไปว่าทำไมน้องสาวของสามีถึงรู้เรื่องส่วนตัวของคู่สมรส?
สำหรับนาย นายหลิว เขายังยืนยันว่าเขาได้หลับนอนกับภรรยาในคืนวันแต่งงาน แต่ในวันต่อมา เนื่องจากเขาทำงานที่ไซต์ก่อสร้างอย่างหนักและเหนื่อยล้า เมื่อเขากลับถึงบ้านเขาเพียงต้องการพักผ่อน แต่เมื่อภรรยาโต้แย้งว่าหากสามีของเธอต้องการพักผ่อน เขาคงจะไม่เช็คโทรศัพท์จนถึงดึกดื่น และนั่นทำให้คนเป็นสามีเถียงไม่ออก
อย่างไรก็ตาม หากทั้งคู่ต้องการหย่าร้างกันเพียงเพราะเหตุนี้ มันดูเป็นเรื่องที่ยากที่จะเข้าใจ ในเวลานี้น้องสามีจึงเปิดเผยความลับอื่นๆ เธอกล่าวว่าก่อนหน้านี้พี่สะใภ้ได้หย่าร้างมาก่อน และมีลูกชายติดมาด้วย อีกทั้งเมื่อมาแต่งงานใหม่กับพี่ชายของเธอ ก็ยังโกหกเรื่องอายุอีก
ครอบครัวของเธอจึงเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้อาจไม่ได้เคยผ่านการแต่งงานมาเพียงครั้งเดียวในอดีต ยิ่งเมื่อเห็นว่ารีบขอหย่าทันทีที่เธอแต่งงาน ก็ย่อมสงสัยว่าอาจเป็นนักต้มตุ๋นการแต่งงาน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เห็นด้วยที่จะหย่าร้าง
เมื่อตกลงกันไม่ได้ นางหวูจึงยอมที่จะไม่หย่าร้างในตอนนี้ แต่เธอต้องกลับบ้านเกิดเพื่อไปช่วยงานพ่อ อย่างไรก็ตาม เมื่อสามีบอกว่าเขาจะกลับไปพร้อมกับภรรยาเพื่อคอยดูแลเธอ ภรรยากลับรีบปฏิเสธทันที
เมื่อเห็นว่านางหวูมักจะมีความลับบางอย่าง และยังพยายามหาข้ออ้างในการหย่าร้าง ในที่สุดพ่อแม่ของนายหลิวก็คิดหาทางออกว่านางหวูควรคืนเงินค่าสินสอดมา 100,000 หยวน (ประมาณ 5 แสนบาท) อย่างไรก็ดี เมื่อได้ยินจำนวนเงินนางหวูก็แสดงรู้สึกตกใจ และบอกว่าเธอไม่ได้รับเงินจากครอบครัวสามีเลยในขณะจัดงานแต่งงาน โดยได้รับเงินเพียง 40,000 หยวน (ประมาณ 2 แสนบาท) จากแม่สื่อเท่านั้น
เพื่อค้นหาความจริง ครอบครัวของนายหลิวจึงไปหาแม่สื่อ แต่สิ่งที่แม่สื่อพูดนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากคำพูดของนางหวู โดยแม่สื่อบอกว่าได้รับเงิน 200,000 หยวน (ประมาณ 1 ล้านบาท) เป็นของขวัญแต่งงาน หลังจากให้หักให้เธอเอง 30,000 หยวน (ประมาณ 1.5 แสนบาท) ส่วนที่เหลือเป็นของนางหวูทั้งหมด
สุดท้ายแล้วเมื่อเห็นว่ามีปัญหามากเกินไป ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอีกฝ่าย และไม่รู้ว่าใครเป็นคนโกหกกันแน่ เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ไกล่เกลี่ยจึงเสนอให้เข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย