นายกฯ ห่วงยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการล่าช้า ขอ 3 ธนาคารเปิดบริการเสาร์-อาทิตย์
นายกฯห่วงประชาชนยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการ มอบ "อาคม" ลงพื้นที่อุบลราชธานี -ศรีสะเกษ ติดตามผล หลังขอความร่วมมือ 3 แบงก์ กรุงไทย ออมสิน ธ.ก.ส.ทั่วประเทศเปิดให้บริการเสาร์-อาทิตย์
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีความห่วงใยประชาชนที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการยืนยันตัวตนร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จึงได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกให้ประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมขอความร่วมมือธนาคาร 3 แห่งได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทั่วประเทศพิจารณาเปิดบริการในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพื่อให้ประชาชนที่คุณสมบัติผ่านแล้วสามารถดำเนินการยืนยันตัวตน ได้ทัน และเริ่มใช้จ่ายตามโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 66 เป็นต้นไป
พร้อมกับมอบหมายให้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และจ.ศรีสะเกษ ระหว่างวันที่ 10-11 มี.ค. 66 เพื่อติดตามการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว ซึ่งในวันที่ 11 มี.ค. นายอาคมได้ติดตามการให้บริการยืนยันตัวตนในช่วงวันหยุดของธนาคารของรัฐใน อำเภอกันทรลักษ์ อำเภอน้ำเกลี้ยง และอำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งการดำเนินการเป็นไปอย่างเรียบร้อย ธนาคารแต่ละแห่งมีการจัดให้บัตรคิวและสามารถอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนได้ทั้งการยืนยันตัวตน ผูกพร้อมเพย์โดยใช้บัตรประชาชนกับบัญชีเงินฝาก ได้เบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว
นายอาคม กล่าวระหว่างการลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษว่า โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบล่าสุดนี้มีผู้ผ่านคุณสมบัติและต้องดำเนินการยืนยันตัวตนกับธนาคารกรุงไทย ออมสิน และธ.ก.ส. ทั้งสิ้น 14.6 ล้านคน ซึ่งขณะนี้ทั่วประเทศมีประชาชนดำเนินการยืนยันตัวตนเฉลี่ยวันละ 9 แสนคน ซึ่งมั่นใจว่าการที่ธนาคารทั้ง 3 แห่งได้เปิดให้บริการเสริมในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ด้วยนี้จะช่วยให้ประชาชนที่ผ่านคุณสมบัติทั้งหมดสามารถยืนยันตัวตนได้ทันภายในเดือนมี.ค.นี้ และย้ำถึงผู้ป่วยติดเตียงที่ร่วมโครงการ สามารถมอบอำนาจให้ลูกหลานหรือญาติให้ไปดำเนินการยืนยันตัวตนแทนได้
นอกจากนี้ รมว.คลัง ยังฝากเตือนถึงประชาชนผู้ร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทุกคนว่าให้ระมัดระวังมิจฉาชีพ ที่อาจอาศัยช่วงเวลาที่ประชาชนยืนยันตัวตนตามโครงการมาหลอกลวงด้วยวิธีต่างๆ อย่าหลงเชื่อผู้ที่ติดต่อมาทางโทรศัพท์และให้ดำเนินการทำธุรกรรมต่างๆ โดยเฉพาะโอนเงินออกจากบัญชี หากมีข้อสงสัยใดเกี่ยวกับโครงการให้ติดต่อธนาคารทั้ง 3 แห่งดังกล่าว และระมัดระวังอย่าให้ใครนำบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดที่ใช้สำหรับใช้จ่ายตามโครงการนี้ไปใช้โดยพลการ