นักวิชาการซัดประชานิยมกู้-แจก ห่วงคลังโคม่า ต้องขึ้นภาษีแน่
น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งกับนโยบายพรรคการเมืองที่ยึดโยงกับการเลือกตั้ง ดั่งจะเห็นได้จากนโยบายลด แลก แจก แถม แบบชนิดที่เรียกว่า “ใจถึงพึ่งได้” ออกมากันอย่าง “โจ๋งครึ่ม”
และแน่นอนว่านโยบายดังกล่าวมักถูกกล่าวขานเรียกว่าเป็น “ประชานิยม” เอาใจคนระดับชาติ เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง ชนะการเลือกตั้ง
มีการประเมินว่า หากรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาและเดินหน้าจัดเต็มกับ “นโยบายประชานิยม” ตามที่หาเสียงไว้ เราก็จะได้เห็นการ “กู้เงิน” อีกอย่างแน่นอน
โดย “ดร. สมชัย จิตสุชน” ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ที่ในอีกบทบาท เขาคือหนึ่งในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) บอกกับทีมข่าวว่า วันนี้นโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองได้ออกมาเป็นจำนวนมาก เพราะมีการอ่านเกมว่า นายกรัฐมนตรี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จะยุบสภาเร็ว ดังนั้นเราจึงเห็นภาพของการเกทับ ลด แลก แจก แถม ของพรรคการเมืองเพื่อสร้างความน่าสนใจอย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้นมองว่า รัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามานั้น ต้องมีการกู้เงินเพื่อทำตามนโบายที่หาเสียงไว้
“ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาต้องทำตามสัญญา กู้แน่นอน เพราะว่ากระทั่งงบประมาณปัจจุบัน 3 ล้านล้าน รายได้ก็ยังไม่พอ ยังขาดดุลอยู่เลย หลายแสนล้านบาท เพราะฉะนั้นแต่ละรายจ่าย แต่ละบาท แต่ละสตางค์ที่เพิ่มขึ้น คือ กู้ทั้งนั้น ฉะนั้นถ้าเกิดคุณเพิ่มไม่ต้องมากเพิ่มอีก 1 ล้านล้าน แต่ละปีก็ต้องกู้ 1 ล้านล้าน ฉะนั้นกู้เพิ่ม แต่โดยปกติก็กู้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นกู้แน่นอน”
และเมื่อถามว่า หากรัฐบาลชุดใหม่กู้เงินอีก จะเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจไทยมากน้อยเพียงใด คำตอบที่ได้ น่าสนใจ
“ถ้าคุณกู้ปีละ 1 ล้านล้าน ยังไงก็อันตรายแน่นอน ตอนโควิด 1 ล้านล้าน คนก็ยังยอมอะลุ่มอล่วย เพราะเป็นช่วงโควิด เศรษฐกิจตกต่ำมาก แต่ว่าในช่วงนี้ มันไม่ใช่โควิด มันใกล้ภาวะปกติ เพราะฉะนั้นมันไม่มีเหตุ ที่จะต้องมากู้อีก 1 ล้านล้าน ยังไงก็ฟังไม่ขึ้น”
ทั้งนี้ “ดร.สมชัย” ได้ให้แง่คิดกับพรรคการเมืองต่างๆ ไว้อย่างน่าสนใจ โดยขอให้พรรคการเมืองทบทวนนโยบายว่าสามารถทำได้จริงหรือไม่ และหากนโยบายซ้ำซ้อนกับมาตรการรัฐที่มีอยู่ในปัจจุบัน ก็จะต้องชี้แจงทบทวน
“แจกเงินช่วยโน้นช่วยนี่ ช่วยดูนิดนึงว่า เมื่อไปทาบไปกับระบบปัจจุบันที่เป็นอยู่สอดรับกันดีไหม ก็มีนโยบายที่ช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางต่างๆอยู่แล้ว ช่วยตอบโจทย์นิดนึงว่า สิ่งที่คุณเสนอขึ้นมาใหม่ ทำไมถึงไม่ซ้ำซ้อน มีบางกลุ่มที่ช่วยเหลือแล้ว ไปช่วยเพิ่ม ซึ่งซ้ำซ้อนโดยไม่จำเป็น ช่วยวิเคราะห์นิดนึง ถ้ามันซ้ำซ้อนก็ต้องทบทวน แต่ในขณะเดียวกันถ้ามีอะไรขาดตกบกพร่องอยู่ เน้นตรงนั้นให้ชัดเจนว่าตรงนี้ขาดตกอยู่ ผมยังไม่เห็นการวิเคราะห์แบบนั้นจากพรรคต่างๆ”
และสำหรับนโยบายต่างๆของพรรคการเมืองที่ออกมาโปรโมท ชูจุดขายล่อตาล่อใจประชาชนให้เลือกนั้น “ดร.สมชัย” กล่าวว่า พรรคการเมืองก็ต้องชี้ชัดถึงวิธีการหาเงินให้กับประเทศชาติด้วยเช่นกันว่าจะหาเงินจากไหน
“คุณก็ต้องมีแผนชัดเจนว่าจะเอาเงินมากจากไหน ไม่ค่อยมีพรรคการเมืองพูดเรื่อง เช่นพูดเรื่องนโยบายภาษี ว่าจะหาเงินเพิ่มได้จากภาษีได้อย่างไร ซึ่งก็เข้าใจว่าคงไม่อยากพูด เพราะพูดแล้วเสียคะแนนเสียง แต่ว่าไม่พูดก็ได้ คิดไว้ในใจเผื่อไว้ เพราะว่า พอเป็นรัฐบาลแล้ว ประสบการณ์ทั่วโลกก็คือว่า จังหวะในการขึ้นภาษีที่มันดีที่สุด คือตอนที่เป็นรัฐบาลใหม่ๆ จะเป็นรัฐบาลพรรคเดียว จะเป็นรัฐบาลผสม ก็ต้องคุยเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้น ไม่ไหว ภาคการคลังน่าเป็นห่วงมาก”
และนี่ก็เป็นเสียงสะท้อนต่อนโยบายประชานิยม ลด แลก แจก แถม ใจถึงพึ่งได้ของพรรคการเมืองต่างๆนั่นเอง