“พิธา” เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม. มั่นใจกวาดที่นั่งได้ ยันไม่จับมือพรรคทหารจำแลง
“พิธา” เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม. ไม่หวั่นคนไล่ ตอกกลับต้องมีวุฒิภาวะ มั่นใจก้าวไกล กวาด ส.ส.กทม.ได้ ย้ำมีจุดเด่นที่แคนดิเดทนายกฯ เมินผลนิด้าโพลอุดรฯ ได้ที่ 2 ยันไม่จับมือพรรคทหารจำแลง พปชร.-รทสช.
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร กทม.ทั้ง 33 เขต และเปิดนโยบายระดับชาติที่ตอบโจทย์คน กทม. ว่า กทม.เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว ถือเป็น Popular Vote 8 แสนกว่าคะแนน ทั้ง 33 เขตที่ส่งผู้สมัคร ซึ่งเราพยายามรักษาเขตเดิมและเพิ่มเติมเขตใหม่ ด้วยการทำงานอย่างต่อเนื่อง แคนดิเดทที่มีความสดใหม่และคนทำงานในพื้นที่มาโดยตลอด พรรคก้าวไกลจะพิสูจน์ให้เห็นว่าคำว่า ส.ส.แบบพื้นที่ดี สภาเด่น มีลักษณะแบบไหนบ้าง รวมถึง ส.ก. กทม. ของพรรค ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ประสบการณ์ในการทำงานสามารถแก้ไขปัญหาให้กับคน กทม.ได้ดีจริง
เมื่อถามว่าการมีผู้สมัครเดิมที่ลงครั้งที่แล้วเพียง 2 คน จะมีผลหรือไม่ นายพิธา ย้ำว่าประสบการณ์ที่ได้พิสูจน์แล้ว อย่างวันนี้จะได้รับฟังปัญหาจากนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. และนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. ซึ่งเป็นผู้แก้ไขปัญหาในพื้นที่มาโดยตลอด เช่น น้ำท่วม รถติด ขณะเดียวกันในสภาก็มีการอภิปรายได้ดี
ส่วนจุดเด่นในพื้นที่ กทม.ของพรรค มีอะไรบ้าง นายพิธา กล่าวว่า จุดเด่นคงเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี และมีนโยบายที่จับต้องได้ดี
“วันนี้ทุกคนอาจจะทราบดีว่าปัญหาฝุ่น PM 2.5 ก็เป็นพรรคก้าวไกล และ ส.ก.ของพรรคก้าวไกล ที่เราจะนำเสนอข้อบัญญัติเรื่องรถเมล์ไฟฟ้า ให้เกิดขึ้นภายใน 7 ปี ซึ่งเป็นสาเหตุต้นตอสำคัญของ PM 2.5”
ส่วนมีกลุ่มคนที่ไม่ได้สนับสนุนพรรคก้าวไกล มาชูป้ายไม่เห็นด้วยกับนโยบายก่อนเวทีจะเริ่ม มีความกังวลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ก็เป็นพื้นที่สาธารณะ ทุกคนมีสิทธิ์มีเสียงในการแสดงออก แต่ส่วนหนึ่งในระบบแบบประชาธิปไตยคือการพูดคุยกัน วันนี้เป็นเวทีหาเสียงของพรรคก้าวไกลในการมาพูดกับพี่น้องคน กทม. ว่าจะทำให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต
โดยก็เชื่อว่าในวันหนึ่ง เขาจะมีเวลาและเวที ที่จะพูดในสิ่งที่เขาต้องการได้อย่างมีวุฒิภาวะแน่นอน ผมได้พูดกับลูกพรรคว่าอย่าเสียสมาธิ เราต้องมีเป้าเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เอาการเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนเชื่อได้เป็นที่ตั้ง ที่ผ่านมา จะมีการพูดจาอะไรก็มีการพูดคุยได้แต่ต้องมีวุฒิภาวะ โดยน.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ได้เข้าไปพูดคุยกับกลุ่มคนกลุ่มดังกล่าวแล้ว ตนขอให้มีวุฒิภาวะในการพูดคุยกัน ตอนนี้เป็นเวทีที่ตนหาเสียง แต่เมื่อเป็นเวทีของท่าน เราก็จะเคารพท่าน ต้องทำให้เป็นบรรทัดฐาน คือ ต้องทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ
นายพิธา ยังกล่าวถึงผลนิด้าโพลที่ออกมาว่าชาวจ.อุดรธานี เทคะแนนให้พรรคก้าวไกล เป็นอันดับ 2 ว่า พรรคก้าวไกล ไม่หวั่นไหว โดยตั้งใจทำงานต่อเต็มที่ ซึ่งอ่านแล้ว ข้อเท็จจริงของนิด้าโพล เก็บตัวอย่างประมาณ 2,000 ตัวอย่าง ซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่ลงพื้นที่จ.อุดรธานี แต่ตอนที่ลงไปก็เชื่อมั่นในการทำงานของพรรค ว่าจะได้รับความนิยมเพิ่ม เพราะครั้งที่แล้วแพ้ไปเพียง 3,000 คะแนน
“ถือเป็นหลักประกันในการประกอบการตัดสินใจในการทำงานทางการเมืองก็จริง แต่สำหรับผมแล้ว โพลขึ้นไม่หลง โพลลงไม่ท้อ เราทำงานเต็มที่เพื่อพี่น้องประชาชนต่อแน่นอน”
ส่วนการลงพื้นที่ได้มึการกระจายกันลงพื้นที่ทุกภาค โดยภาคเหนือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้ลงเยอะมาก ภาคอีสานมีนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ภาคกลาง มีนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ดูแลอยู่ นอกจากนี้ ยังมีบรรดา ส.ส. กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ จะเห็นว่าตอนนี้ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน เราพยายามเต็มที่และทำงานเป็นทีม ช่วยกันเสริมสร้างทุกคน ซึ่งการทำงานแบบก้าวไกล 1+1 ต้องเท่ากับ 3 จะลดลงไม่ได้
เมื่อถามว่าที่เวทีพรรคเพื่อไทย น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ประกาศไม่จับมือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี การประกาศชัดเจนแบบนี้จะทำให้การกับมือของฝ่ายค้านจับได้มากขึ้นหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า คำตอบของน.พ.ชลน่าน นับว่าเป็นคำตอบที่ใกล้เคียงกับพรรคก้าวไกล
ขณะเดียวกัน ก็ไม่ทำให้จุดยืนของพรรคก้าวไกลหวั่นไหวหรือสับสนแต่อย่างใดว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านหากร่วมกันกับมือเป็นประชาธิปไตยก็จะสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศได้มากที่สุด เนื่องจากมีชุดนโยบายใกล้เคียงกันและมีความต่อสู้กับความท้าทายในปัจจุบันมากที่สุด พร้อมยืนยัน พรรคก้าวไกลไม่สามารถร่วมมือกับพรรคทหารจำแลงอย่างพวกรวมไทยสร้างชาติและพลังประชารัฐได้