"อาทิตย์ ริว" เปิดใจครั้งแรก ปมโพสต์ถึง "หนุ่ม กรรชัย" อยากนัดเจอ เพราะมีเหตุผล

"อาทิตย์ ริว" เปิดใจครั้งแรก ปมโพสต์ถึง "หนุ่ม กรรชัย" อยากนัดเจอ เพราะมีเหตุผล

"อาทิตย์ ริว" เปิดใจครั้งแรก ปมโพสต์ถึง "หนุ่ม กรรชัย" อยากนัดเจอ เพราะมีเหตุผล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หวนกลับมารับงานในวงการบันเทิงอีกครั้ง สำหรับอดีตพระเอกหน้าใสแห่งยุค 90's อาทิตย์ ริว หรือ ริว-อาทิตย์ ตั้งสวัสดิ์รัตน์ ที่ล่าสุดเจ้าตัวได้เดินทางมาร่วมแสดงโชว์พิเศษ!! กลางงานแถลงข่าวซิงเกิ้ลใหม่ แพ้เป็นแค่คำเท่านั้น ของศิลปินหนุ่มอารมณ์ดี ฟ้าว์เฟี้ยว สุดสวิงริงโก้ ในฐานะพระเอกมิวสิควิดีโอ

พร้อมกันนั้น อาทิตย์ ริว ยังถือโอกาสนี้เปิดใจถึงหลากหลายเรื่องราวดราม่า รวมทั้งอัปเดตชีวิตความเป็นอยู่ หลังชื่อของเจ้าตัวกลับมาเป็นที่พูดถึงและถูกจับตามองอีกครั้ง ...

ก่อนหน้านี้มีประเด็นที่หลายคนยังสงสัย เรื่องที่เราโพสต์เฟซบุ๊กถึง หนุ่ม กรรชัย จนถูกเข้าใจผิดว่ามีปัญหากัน ?
"จริงๆ เรื่องนี้ไม่มีอะไรเลยครับ คือประมาณว่าผมเคยไปหาพี่หนุ่ม ที่ช่อง 3 ไปหาอยู่ประมาณ 2 ครั้ง แต่ไม่มีโอกาสได้เจอ ซึ่งผมตั้งใจจะเอาพระสมเด็จฯ ไปให้ เพราะผมอยากจะเจอกับผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการบันเทิง แต่ด้วยความที่พี่หนุ่มเขายุ่งกับการทำงาน เราก็เลยยังไม่มีโอกาสได้เจอกัน และพวกเราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันด้วยครับ"

"สำหรับข้อความที่ผมโพสต์ไปแบบนั้น มันอารมณ์เหมือนเราเป็นคนรู้จักกันอ่ะครับ 'มาเลยตัวต่อตัว กินกาแฟกันเดี๋ยวเลี้ยง' ประมาณนี้อ่ะครับ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้เจอเลย"

"จนถึงตอนนี้ได้คุยหรือได้นัดแนะพบปะกันบ้างหรือยัง ?
ยังไม่ได้เจอเลยครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่พี่หนุ่ม เพราะเท่าที่ทราบมาช่วงพี่เขาก็ทำงานหนัก"

ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหากันจนทำให้เราต้องโพสต์ระบาย ?
ไม่มีครับ ผมกับพี่หนุ่มเราไม่เคยมีปัญหากัน และเราก็ยังเคยร่วมงานกันด้วย

เจตนาเราแค่ตั้งใจจะนำพระไปมอบให้ ?
ใช่ครับ ตั้งแต่ผมสึกออกมา ผมก็เตรียมพระไว้ให้พี่นะครับ คิดถึง (ยิ้ม)

ประเด็นซื้อรถมือสอง คนเข้าใจว่าตอนนี้ชีวิตเราดีขึ้นแล้ว ?
ไม่ใช่เลยครับ ผมยังไม่ได้รับงานอะไรเลย มีแค่ถ่ายมิวสิควิดีโอเพลงนี้ กับถ่ายรีวิวเต็นท์รถ รีวิวว่ารถรุ่นนี้เป็นยังไงในยุค 90's ก็คือด้วยความที่ผมผ่านรถมาเยอะในสมัยก่อน และมีความชื่นชอบในสายรถ ดังนั้นพอมีคนติดต่อมาให้ผมพูดเกี่ยวกับรถ มันก็พอดีเลยเป็นความรู้เก่าที่เราได้นำมาใช้

ส่วนเรื่องรถที่ออกมา ก็... ผมคิดว่าขอเป็นเรื่องส่วนตัวบ้างนิดหนึ่ง เพราะจริงๆ ตัวผมเองก็มีงานที่ผมทำอยู่ เพียงแต่เราไม่จำเป็นต้องพูดทุกเรื่องเท่านั้นเอง

ทุกวันนี้เวลาเดินทางไปเที่ยวไปต่างจังหวัด เราเดินทางยังไง ?
ก็นั่งเครื่องบินบ้าง ขับรถไปเองบ้าง นั่งรถทัวร์บ้าง และก็ยังอยากนั่งรถไฟเหมือนเดิม คือผมสามารถเดินทางได้ทุกรูปแบบ แม้แต่การเดิน 10 กิโลฯ 20 กิโลฯ ถ้าจังหวะที่ไม่มีเงินก็เดิน

ก็คือไม่ได้มีรถส่วนตัว ?
ถ้าเรื่องรถ จริงๆ ก็มีพี่ๆ หลายคนครับที่เขาเสนอว่า 'ริวมาเลย มาเชียงราย เอารถให้ใช้ไว้คันหนึ่ง' ก็คือผมไม่ต้องซื้อ ไปที่ไหนก็มีคนบอกว่า 'เอารถใช้นะ ไม่ต้องเสียเงินค่ารถ' หรือบางครั้งก็จะแบบ 'ริวมานี่นะเดี๋ยวโอนค่าตั๋วเครื่องบินให้' คือบางคนเขาคิดถึงอยากเจอผม เพื่อนๆ อยากเจอหน้ากัน ซึ่งบางคนเขาพอมีฐานะ แต่ว่าตัวผมเองไม่เคยขอเงินใครนะครับ

ประเด็นที่มีคนออกมาโพสต์ว่าเราสร้างคอนเทนต์ลำบาก ?
ครับผม ก็อย่างเรื่องกฐินนะครับ ผมเป็นคนบวชพระ ฉะนั้นเรื่องทำลายพระพุทธศาสนาผมคงไม่อาจเอื้อมที่จะทำแบบนั้น และอีกอย่างคือ การทำกฐินผมได้ส่งเงินไปทำบุญจริงๆ ผมส่งไปหลายที่ แยกสายส่งไปช่วยๆ กันเพื่อร่วมสร้าง ซึ่งจะสร้างมากสร้างน้อยแต่เราก็ได้ร่วม

ดังนั้นการที่เรื่องนี้เป็นข่าว ผมเองก็อยากจะบอกเหมือนกันว่า 'ทำบุญนั้นไม่ต้องคิดอะไร ถ้ามีใจที่จะให้ก็เรื่องของเขา เขาสบายใจนั่นก็คือความสุขของเขา เขาไม่ทำหรือใครทำ ก็ไม่ควรจะไปตำหนิ เพราะว่าเราก็ไม่ได้รู้ความจริงทั้งหมด' อีกอย่างในเฟซบุ๊กผมเอง ผมก็ไม่ได้พูดทุกเรื่อง หรือทำให้เห็นการกระทำในทุกๆ ขั้นตอน ชีวิตทุกคนก็ภาพที่อยากจะนำเสนอ และไม่อยากนำเสนอ ฉะนั้นในเฟซบุ๊กช่วงแรกที่ผมเล่น ผมอาจจะเป็นตัวเอง แต่พอช่วงหลังมีคนติดตามเยอะผมก็ต้องระวังครับ ต้องระวังการใช้สื่อ เวลาจะพิมพ์อะไรก็ต้องคิดแล้วคิดอีก ต้องรอบคอบ

ได้พูดคุยกับคนที่โพสต์แล้วใช่ไหม ?
เป็นเพื่อนสนิทครับ และก็ได้ให้เพื่อนอีกคนที่สนิทโทรไปพูดคุยเพื่ออธิบายเรื่องราวต่างๆ จนเข้าใจกันแล้ว ส่วนตอนแรกที่ผมบอกว่าผมจะฟ้อง ก็ไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว คิดว่าเราควรจะให้อภัยกัน ปรับความเข้าใจกัน และกับเพื่อนคนนั้นก็สามารถกลับมาทานข้าวกันได้ (ยิ้ม)

อัปเดตชีวิตตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
“หลังจากที่ได้เปิดเผยชีวิต ที่ยังไม่มีใครเคยรู้ว่าผมทำอะไรบ้าง หลังจากที่บวช หรือเข้าไปเกี่ยวกับธรรมมะ มันก็ทำให้ผมมีความรู้สึกหนึ่ง ใครๆ ก็ทราบดีว่าผมเคยเข้ารักษาไบโพลาร์ ที่โรงพยาบาลจิตเวช ปรากฎว่าธรรมมะช่วยจิตใจผมได้เยอะ หนึ่งทำให้ผมไม่ต้องไปคิดวุ่นวายกับทางโลก สองผมได้เข้าใจในหลักธรรมมะแล้วก็การปฏิบัติที่ทำให้เราอยู่กับธรรมชาติ เรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิดว่าควรจะใช้ชีวิตแบบไหน ควรจะหลักเลี่ยงเส้นทางไหนที่เราเคยเดินกันมา แล้วทำให้ชีวิตเราแย่ลง มันเท่ากับว่าทำให้ผมมีสติมากขึ้น เลยเป็นที่มาที่ไป ที่ผมไปมีชีวิตส่วนตัวที่ไม่ต้องการชื่อเสียง อยู่เงียบๆ อยู่แบบธรรมชาติ พอขึ้นกรุงเทพฯ มา ก็มาค้าขาย ไม่ได้จะมาทำธุรกิจอะไรใหญ่โตเหมือนเมื่อก่อน คิดว่าทำเพื่อส่วนตัว วันหนึ่ง 2-3 ร้อยก็พอแล้ว แต่คิดว่าถ้าเราเอาชื่อเสียงของเรามาใช้ให้เป็นประโยชน์ หรือถ้ามีโครงการอะไรให้ร่วม แล้วมีประโยชน์ต่อสังคม ผมก็ยินดีไปช่วย ไม่ว่าจะน้ำท่วม หรือรณรงค์เพื่อคนยากลำบาก ผมยินดีอยู่แล้ว ในเรื่องการทำบุญ หรือการเป็นหัวเรือในการช่วยเหลือสังคม ผมอยากทำ เพราะชื่อเสียงครั้งนี้ ก็ไม่ได้คิดว่ากลับมาง่าย แต่ว่าก็กลับมาได้จากกำลังใจของทุกคนที่ส่งมา และเปิดโอกาสให้ผมได้มาทำงาน ได้มาพบปะกับแฟนคลับที่เคยชมละคร

การกลับมาในวงการบันเทิงครั้งนี้ตื่นเต้นไหม ?
ถามว่าตื่นเต้นไหม ช่วงแรกอาจจะเครียดนิดหน่อย เพราะว่ามันทำให้เราไปไหนมาไหน คนก็จำได้อีก มีแต่คนขอถ่ายรูป หลายคนจำหน้าผมได้แล้ว ถึงแม้ว่าผมยังไม่ขึ้น ยังสั้นอยู่ เพราะชอบบวชตัวเอง

งานในวงการตอนนี้มีอะไรบ้าง ?
ถามว่ามีติดต่อมาไหม ก็อยู่ระหว่างการพูดคุยครับว่าตัวผมอยากเดินทางไหน เล่นละคร เล่นหนัง ก็มีคนพยายามปรับบทให้เข้ากับตัวผม ณ ปัจจุบัน หมายถึงว่าให้ผมไปเล่นเป็นนักเรียนเหมือนเมื่อก่อนคนไม่ใช่แล้ว มันก็ตามวัยแล้ว ปีนี้ผม 44 ย่าง 45 แล้ว

ส่วนใหญ่งงานติดต่อมาเป็นแบบไหน ?
เป็นละคร หนังก็มี แล้วก็เป็นงานเพลง ซึ่งผมก็มีเพลงที่ทำไว้ตั้งแต่ 9 ปีที่แล้ว เพื่อเป็นการสั่งลา คือเราไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้เราจะอยู่หรือเปล่า แต่เราก็อยากจะมีเพลงเพลงหนึ่ง ที่เราอยากจะฝากทุกคนไว้ มันต้องฟังครับ ชื่อเพลง แสงแห่งดวงอาทิตย์ (Sunshine) แต่งเองครับ ทำเสร็จแล้ว ตอนนี้อยากจะหานางเอก MV แล้วก็ทำดนตรีใหม่ ร้องใหม่ ลงทุนเองครับ เมื่อ 9 ปีที่แล้วจ้างนักดนตรีของแกรมมี่มาเล่น โปรดิวเซอร์ก็แกรมมี่ครับ ทำในห้องอัดเรียบร้อยแล้ว เป็นมาชเตอร์ แต่เก็บไว้ในยูทิวบ์ อีกไม่นานน่าจะได้ดูกัน ให้เพลงของเบลล์ดังไปก่อน นางเอก MV ตอนนี้กำลังเฟ้นหา เพราะส่วนใหญ่แฟนคลับผมหน้าตาดี

พร้อมกลับมาทำงานในวงการบันเทิงแบบจริงจังไหม ?
ถามว่าพร้อมไหม ถึงตอนนี้ก็ให้ทุกคนตัดสินใจว่าผมพูดรู้เรื่องไหม หรือว่าทุกคนยังมีความคลางแคลงใจอยู่ หรือจับผิดว่าต้องดูไปเรื่อยๆ ก่อน หรือผมพูดอะไรแบบไม่มีสติสัมปชัญญะ

มันเป็นปมในใจเรา ?
ที่ผ่านมามันกลายมาเป็นคนเชื่อสื่อไงครับ แต่ผมไม่โทษแล้วนะหมายถึงว่าเราผ่านเรื่องราวเก่าๆ ไปแล้ว เราเอาตอนนี้ดีกว่าว่าเราเป็นคนใหม่แล้ว

ตั้งรับคอมเมนต์ด้านลบได้ดีแล้ว ?
ถามว่าตั้งรับได้ดีไหม ผมพลาดเข้าไปอ่านก็จิตตกเหมือนกัน ต้องยอมรับว่ากระแสความคิดมี 2 ทาง มีทั้งให้กำลังใจและซ้ำเติม ผมพยายามที่จะเอาตาไปมองข้างบน ไปมองดอกไม้สวยๆ มองเมฆสวยๆ มองทะเลสวยๆ มองธรรมชาติที่ไม่วุ่นวายกับกระแสความคิด แล้วก็นั่งสมาธิสวดมนต์ ทำบุญ ให้อาหารลิง ให้อาหารปลา ให้อาหารสัตว์อะไรก็แล้วแต่ที่อยู่ในธรรมชาติที่เขามีความสุขของเขา เราก็เอาความสุขของเราไปแบ่งปันเขา มีเงินผมก็ไม่ได้คิดว่าเก็บไว้กับตัวเอง เปล่า ผมก็คิดว่าผมได้เงินมาก็ผมอยากช่วยแบ่งปัน

การกลับมาครั้งนี้มีการปรับเปลี่ยนลุคเพิ่มเติมไหม ?
อาจจะทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ลดน้ำหนัก แต่ว่าตัวเองยังมีความสนุกอยู่ จริงๆ แล้วความเป็นตัวผมเป็นคนที่สนุกสนาน ร่าเริง ขี้เล่น แต่แค่ว่ายังไม่ถึงเวลาที่ผมจะโชว์อะไรอย่างนั้น

สภาพจิตใจตอนนี้ ?
ที่ผ่านมามีคุณหมอจากโรงพยาบาลโทรมาจะให้คำปรึกษา ถ้ามีอะไรเครียด ถ้ามีกระแสทางโซเชียลก็อย่าไปติดตามมากเพราะเดี๋ยวจะทำให้จิตตก แล้วก็มีได้พูดคุยกันถึงอาการเดิมที่มีซึมเศร้า ตอนนี้ยังเศร้าไหมหรือว่าหายแล้ว แต่จริงๆ ผมขอบอกตรงๆ ว่าไบโพลาร์หรือซึมเศร้า หรืออะไรที่เป็นอีกขั้วนึงเป็นอาการสองขั้วทางสมอง หรือสารเคมีไม่ตรงกันก็แล้วแต่นั่นคือทางวิชาการ แต่ในทางธรรมชาติก็คือมนุษย์เรามีอารมณ์ดีก็อารมณ์ดี เจอเรื่องราวดีๆ ก็มีความสุข ถ้าเจอเรื่องเศร้าๆ มันก็เศร้า เพราฉะนั้นมันเป็นเรื่องปกติของธรรมชาติของมนุษย์ว่ามีทั้งดีและไม่ดี มีทั้งแฮปปี้และซึมเศร้า เจอเรื่องเศร้ามันก็เศร้าเราจะไปห้ามก็ไม่ได้ แต่แค่ว่าในทสงธรรมะก็ว่าเราต้องเดินสายกลาง เศร้าก็เศร้าแป๊ป สุขก็สุขแป๊ป เดี๋ยวมันก็หาย ถามว่ามีอะไรน่าเป็นห่วงไหม ก็มีครับ น่าเป็นห่วงก็คือเรื่องสุขภาพตัวเอง เนื่องจากวัยเลยล่วงมาครึ่งคนแล้ว เหลือเวลาอีกครึ่งชีวิตที่จะทำอะไรทิ้งไว้ ที่ผ่านมาคือสู้ชีวิตมาก ลากของ ขายขงมือสองก็กระเป๋าเยอะก็ต้องแบก ทีนี้ด้วยความที่เคยเกิดอุบัติเหตุนานมาแล้ว ตอนนั้นที่รถระเบิด ก็ทำให้กระดูสันหลังทับเส้นประสาทเรื้องรัง ก็เริ่มมีอาหารมาสักระยะแล้ว หมอก็บอกว่าให้รีบรักษาซะ.

ต้องทำกายภาพบำบัด ?
ต้องมีนวด แล้วก็ออกกำลังกายด้วย เพราะว่าถ้าปล่อยให้เรื้อรังนานกว่านี้ก็อาจจะเดินไม่ได้ แต่ผมก็ไม่กังวลว่าจะเกิดปัญหากับการทำงาน ก็อย่าไปแบกของหรือยกของผิดท่า ออกกำลังกายพอประมาณ ทำอะไรก็ได้ให้มันพอดีๆ

ยังขายของมือสองอยู่ไหม หรือไม่มีเวลา ?
จริงๆ ไปได้ แต่ที่ผ่านมาผมขึ้นเหนือ ไปอีสาน แล้วไปถ่ายทำรายการท่องเที่ยวของตัวเอง ไปถ่ายบนภูเขาที่เป็นอันซีนที่จังหวัดเชียงราย ก็ไปจริง เกือบตายมาแล้ว เกือบตกเหว ก็ถ่ายหมดแล้ว รอใครมีฝีมือในการตัดต่อก็มาช่วย ผมก็พาไปดูธรรมชาติ ก็รอตัด ฝากติดตามในติ๊กต๊อก เฟซบุ๊ก และถ้ายูทูบเสร็จค่อยปล่อยโปรโมทกันอีกที

อัลบั้มภาพ 16 ภาพ

อัลบั้มภาพ 16 ภาพ ของ "อาทิตย์ ริว" เปิดใจครั้งแรก ปมโพสต์ถึง "หนุ่ม กรรชัย" อยากนัดเจอ เพราะมีเหตุผล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook