สาวซื้อคอนโด 2.78 ล้าน ไว้รักษาตัว อยู่ไม่กี่วันอาการยิ่งทรุด ขู่ขอตายคาห้อง

สาวซื้อคอนโด 2.78 ล้าน ไว้รักษาตัว อยู่ไม่กี่วันอาการยิ่งทรุด ขู่ขอตายคาห้อง

สาวซื้อคอนโด 2.78 ล้าน ไว้รักษาตัว อยู่ไม่กี่วันอาการยิ่งทรุด ขู่ขอตายคาห้อง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สาวป่วยหนัก ซื้อคอนโด 2.78 ล้าน ไว้พักรักษาตัว ได้ห้องขึ้นราทำป่วยกว่าเดิม บริษัทอ้างหมดประกัน ขู่ขอตายคาห้อง 

จากกรณีที่เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ Part 6 โพสต์เรื่องราวของผู้บริโภครายหนึ่ง ซึ่งป่วยเป็นโรคหลอดเลือดแดงใหญ่ตีบจากความบกพร่องของภูมิคุ้มกัน ที่ตัดสินใจซื้อห้องพักของคอนโดแห่งหนึ่งบริเวณแยกติวานนท์ ในราคา 2.78 ล้านบาท ซึ่งเซลล์ฝ่ายขายยืนยันว่าห้องพักดังกล่าวมีสภาพพร้อมเข้าพักอยู่อาศัยได้ทันที แต่ปรากฎว่าหลังทำสัญญาเช่าซื้อและเข้าพักอาศัยได้เพียง 10 วัน ก็พบกับปัญหาของพักเป็นจำนวนมาก ทั้งฝาผนังที่ปริแตกร้าวจนทำให้น้ำฝนขึ้นผ่านผนังเข้ามาภายในห้อง และยังเกิดราดำขึ้นอยู่ในผนังที่ติดวอลเปเปอร์

จนสุดท้ายผู้บริโภคหญิงสาวรายนี้พยายามยื่นเรื่องให้ทางบริษัทเจ้าของโครงการเข้ามาปรับปรุงแก้ไข แต่ก็ได้รับการแก้ไขไม่ถูกวิธีจึงทำให้ยังมีเชื้อราดำขึ้นตามผนังในมุมต่างๆ ขนาดใหญ่ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายเป็นอย่างมากจนถึงขั้นเลือดไหลออกจากจมูก ตาบวม หายใจติดขัด และต่อมาทางบริษัทเจ้าของโครงการบอกปัดความรับผิดชอบโดยอ้างว่า ห้องพักดังกล่าวหมดประกันความรับผิดชอบไปแล้ว หากเจ้าของห้องต้องการจะซ่อมห้องพักก็ให้ดำเนินการจัดซ่อมเอาเอง

(16 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ของคอนโดที่พักดังกล่าว โดยได้พบกับ น.ส.กัญศจี อายุ 42 พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากตนตัดสินใจทำสัญญาซื้อห้องพักของคอนโดดังกล่าวได้ในราคา 2.78 ล้านบาท และย้ายเข้าไปอยู่อาศัยได้เพียง 10 วัน ก็พบปัญหามากมายตามมา ทั้งผนังกำแพงด้านนอกที่แตกร้าวเป็นจำนวนมาก จนทำให้ความชื้นซึมผ่านมาเข้ามาเกิดเชื้อราดำขนาดใหญ่อยู่ในวอลเปเปอร์ของผนังกำแพง

ซึ่งเมื่อพบปัญหาดังกล่าวแล้ว ตนได้แจ้งให้ทางบริษัทเจ้าของโครงการรับทราบเพื่อทำการปรับปรุงซ่อมแซม ซึ่งทางโครงการก็ส่งช่างเข้ามาทำการทาสีทับรอยปริแตกพร้อมกับเปลี่ยนวอลเปเปอร์ใหม่ แต่ไม่ได้กำจัดเชื้อราดำที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพออกไป ทำให้ยังคงเกิดเชื้อราดำขึ้นตามผนังกำแพงและจุดต่างๆภายในห้อง จนส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของตนเอง แต่ทางบริษัทก็เงียบหายไป

จนกระทั่งในวันที่ 17 ก.พ.64 ตนจึงได้ติดต่อผ่านเข้าไปที่เฟสบุ๊คของทางบริษัทพร้อมกับแจ้งให้ทราบว่า ตนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อไปฟ้องกับทาง สคบ. ทางบริษัทจึงยอมส่งช่างมาแก้ไขด้วยวิธีเดิมๆอีก ซึ่งก็ยังคงมีน้ำรั่วซึมเข้ามาอยู่เรื่อยๆ จนถึงปี 65

น.ส.กัญศจี กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นต่อมาตนได้ตัดสินใจเข้าร้องเรียนกับสภาองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค หรือ TCC จนกระทั่งอีก 7 เดือนต่อมา ทางสภาจึงสามารถนัดไกล่เกลี่ยกันระหว่างตนกับทางบริษัทได้ แต่กลับถูกทางบริษัทบอกปัดโดยอ้างว่าสัญญาห้องพักที่ตนซื้อไว้ตั้งแต่ปี 63 หมดสัญญาประกันไปแล้ว ให้ตนหาช่างมาซ่อมแซมเอง และนับตั้งแต่ตนตัดสินใจซื้อห้องพักแห่งนี้มา ในช่วงที่ตนเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องจากหลอดเลือดแดงใหญ่ตีบ และเพิ่งรักษาด้วยการเจาะปอดออกมา ตนกลับต้องมาเจอสภาพสิ่งแวดล้อมของห้องพักที่มีราดำขึ้นแบบนี้ จนทำให้ตนเกิดอาการไอ เป็นไข้ มีเลือดไหลออกทางจมูก ปวดศีรษะรุนแรง บางครั้งก็เหมือนกับหายใจไม่ออก จนต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาตัวอีก 4-5 ครั้ง

โดยครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา หมอของโรงพยาบาลที่ตนไปตรวจรักษาระบุว่า ภูมิแพ้ขึ้นตา หลีกเลี่ยงห้องที่มีเชื้อรา ส่วนหมอที่ทำการผ่าตัดรักษาตนทำการตรวจสอบประวัติโรคย้อนหลัง บอกว่าตนกำลังจะป่วยเป็นโรคใหม่คือโรคทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นผลมาจากการพักอาศัยอยู่ในห้องที่มีเชื้อรา โดยหมอยังได้เตือนตนเองว่า หากยังอยากมีสุขภาพที่แข็งแรง มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ป่วยอีก ให้ย้ายออกจากห้องพักดังกล่าวไป แต่ห้องพักแห่งนี้เป็นเงินที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของตนเองที่ทำงานเก็บเงินมาตั้งนานเพื่อจะมีที่พักอาศัยเป็นของตนเอง จนต้องเป็นหนี้สินกับทางธนาคารอีกเป็นล้าน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตนแค่ขอร้องให้โครงการเข้ามากำจัดราดำและซ่อมแซมผนังไม่ให้น้ำรั่วซึมเข้ามา แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับที่ดี

น.ส.กัญศจี กล่าวอีกว่า ที่บริษัทอ้างกลับมาว่าหมดประกันสัญญาซ่อมแซมนั้น ตลอดระยะเวลาที่เกิดปัญหาของห้องพักตั้งแต่ปี 63 ทางบริษัทพยายามยื้อเวลามาโดยตลอดเพื่อพยายามให้เวลาในสัญญารับประกันมันหมดไป ตนยอมรับว่าเครียดมากเพราะพยายามต่อสู้เรียกร้องกับทางบริษัทมาโดยตลอด จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป ตนรู้ดีว่าถ้าต้องต่อสู้คดีความกับทางบริษัทด้วยการจ้างทนายความด้วยตนเอง ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก ไหนจะค่าผ่อนห้องกับทางธนาคาร ค่ารักษาตัว ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอีก ตนก็ไม่คิดว่าชีวิตจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ ทางบริษัทควรไปพิจารณาดูว่าสภาพห้องพักที่มีสภาพแบบนี้ควรขายให้คนเจ้ามาอยู่ไหม จะขายให้ใครอยู่มันก็ไม่ดีต่อสุขภาพเขาทั้งนั้น

ทางด้านนายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ หัวหน้าศูนย์สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า ในวันนี้ได้เดินทางมาตรวจสอบสภาพห้องพักของผู้บริโภคที่ได้ส่งเรื่องร้องเรียนมาที่สภาองค์กรของผู้บริโภคแล้ว ก่อนหน้านั้นทางสภาได้นัดหมายให้มีการเจรจากันระหว่างฝ่ายผู้บริโภคกับทางบริษัทมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ทางบริษัททำหนังสือตอบกลับมาเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 66 โดยให้เหตุผลว่าห้องพักของผู้บริโภคที่ร้องเรียนได้หมดระยะเวลาในสัญญารับประกันไปแล้ว ทำให้ทางสภาองค์กรของผู้บริโภคต้องนำเรื่องนี้เข้าประชุมหารือในขั้นอนุคดีต่อไป เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ร้องเรียนรายนี้ในด้านของการจัดหาทนายความมาช่วยเหลือในเรื่องการฟ้องร้องดำเนินคดีกับทางบริษัทต่อไป โดยคาดว่าจะใช้เวลาประชุมหารือภายใน 60 วันในการอนุมัติทนาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังให้สัมภาษณ์และพูดคุยกับทางสภาองค์กรของผู้บริโภคแล้ว น.ส.กัญศจี ซึ่งอยู่ในความเครียดได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า หากไม่มีใครสามารถจัดการช่วยเหลือตนในเรื่องนี้ได้ ตนก็คิดว่าจะจบชีวิตอยู่ภายในห้องพักแห่งนี้เพื่อเรียกร้องกับทางบริษัทที่ปัดความรับผิดชอบเพราะทุกวันนี้ตนเองก็เจ็บป่วยจากสภาพแวดล้อมเป็นพิษที่ส่งผลกับร่างกายอยู่แล้ว 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook