ตาแตก คู่รักเวียดนามทุ่ม 1 หมื่นล้าน รีโนเวทโรงแรมเก่าเป็นบ้านหรู แทบจำภาพเดิมไม่ได้
มีคำกล่าวที่ว่า "อยู่เย็นเป็นสุข" เมื่อมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงจะทำงานอย่างมีความสุข อาชีพการงานก็จะสะดวกและมีความสุขตามไปด้วย คำสอนนี้ยังคงใช้ได้มาจนถึงทุกวันนี้ เมื่อคนหนุ่มสาวสนใจที่สร้างที่อยู่อาศัยดีๆ เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต
เช่นเดียวกับคู่รักวัย 26 ปีชาวเวียดนาม เตรียมพร้อมต้อนรับสมาชิกตัวน้อยที่เกิดในเดือนมีนาคมปีนี้ ทั้งคู่ทุ่มเงิน 1 หมื่นล้านดอง (ประมาณ 14.5 ล้านบาท) ไปกับการปรับปรุงโรงแรมเก่า ให้กลายเป็นบ้านและสำนักงานในที่เดียวกัน ซึ่งถือเป็นก้าวใหม่ในชีวิตของครอบครัวเล็กๆ
“ความต้องการเบื้องต้นในการเลือกที่อยู่อาศัย คือบ้านจะต้องอยู่ในใจกลางเมือง ใกล้โรงพยาบาล และโรงเรียน เพื่อความสะดวก นอกจากนี้ เนื่องจากต้องการสร้างที่อยู่อาศัยผสมผสานกับสำนักงาน และความจริงแล้วเป้าหมายคือให้ความสำคัญกับงานในสำนักงานก่อน ดังนั้นหากไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอ ทั้งคู่ก็จะเช่าอพาร์ตเมนต์ต่อไปเพื่อให้การงานยังมั่นคง แต่โชคดีที่หลังจากผ่านไป 6 เดือน ทั้งคู่ก็สามารถหาบ้านหลังปัจจุบันที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านการอยู่อาศัย และการทำงานเป็นสำนักงานของบริษัท”
สถานที่ที่ดึงดูดสายตาของคู่รักคือโรงแรมเก่าแก่ที่มีขนาดพอเหมาะและโครงสร้างที่แข็งแรง โดยความตั้งใจแรกไม่ใช่ต้องสร้างใหม่ทั้งหมด แต่ต้องการเพียงแค่ปรับปรุงก็สามารถย้ายเข้าอยู่ได้เลย เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโรงแรมแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมตามแบบโรงแรม มีเฟอร์นิเจอร์พื้นฐานตามแบบโรงแรม และแบ่งออกเป็นห้องเล็กๆ จำนวนมาก สุดท้ายทั้งคู่จึงต้องรื้อทุกอย่างออกเกือบหมด เหลือไว้เพียงโครงสร้างตึก ระบบไฟฟ้าและประปา
สุดท้ายแล้วค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการปรับปรุงโรงแรม 4 ชั้นแห่งนี้ เนรมิตให้กลายเป็นบ้านและสำนักงานแบบที่ต้องการ มีราคาอยู่ที่ 1 หมื่นล้านดอง (ประมาณ 14.5 ล้านบาท) โดยทั้งคู่ระบุความต้องการของครอบครัวอย่างละเอียดถี่ถ้วน และพิถีพิถันทุกรายละเอียด เพื่อใช้พื้นที่ใช้สอยรวม 700 ตร.ม. ให้ได้คุ้มค่าตามต้องการที่สุด โดยย้ำว่าการที่จะมีบ้านที่เหมาะสมนั้น จำเป็นต้องเลือกนักออกแบบที่มีรสนิยมเดียวกับเจ้าของบ้านด้วย บ้านทั้งหลังมีโทนสีดำ-เทาที่หรูหราและทันสมัย ด้วยการจัดแสงและเฟอร์นิเจอร์ที่คัดสรรอย่างเหมาะสมทำให้ดูอบอุ่นมาก
อีกทั้งเพื่อรักษาความเรียบร้อยและความเรียบง่ายในกระบวนการใช้ชีวิต จึงมีตู้อัจฉริยะที่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับเก็บเครื่องมือต่างๆ แทนที่จะวางโชว์ไว้บนโต๊ะให้รกรุงรัง ขณะที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ก็ได้รับการคัดสรรมาอย่างดีที่สุดเช่นกัน รวมทั้งพื้นที่ในห้องทำงานและห้องประชุมของพนักงาน ก็ได้รับการดูแลอย่างดีเพื่อสร้างบรรยากาศที่ทันสมัย มีชีวิตชีวา แต่ก็มีความเป็นมืออาชีพตามวัฒนธรรมของบริษัท
ฝ่ายภรรยาเปิดเผยว่า “การจะสร้างบ้านให้สมบูรณ์ตามการออกแบบและความต้องการนั้น จำเป็นต้องพิถีพิถันในทุกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ หากทำไม่รอบคอบจะเห็นข้อผิดพลาดได้ง่าย ต้องหาช่างจากบริษัทที่มีชื่อเสียง มีความชำนาญ และดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะฝ้าเพดานห้องนอน ต้องทาสีใหม่ 5 รอบ เพื่อให้ได้ความสวยงามตามต้องการ
เมื่อสั่งทำตามการออกแบบ สามีของฉันต้องไปที่โรงงาน ดูตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาผลิต แล้วหารือเกี่ยวกับจุดที่ยังไม่เสร็จในผลิตภัณฑ์เหล่านั้น อีกทั้งยังมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องใส่ใจด้วย นั่นคือของใช้ในบ้าน เช่น ตู้เจลล้างมือ กล่องทิชชู่ ผ้าปูที่นอน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ ตอนสั่งก็เลือกรุ่นที่เข้ากับดีไซน์ของบ้าน และต้องมั่นใจในคุณภาพด้วย"
นอกจากการรวมสำนักงานและบ้านเข้าด้วยกันแล้ว ทั้งคู่ยังให้ความสำคัญกับสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น การสร้างห้องรับประทานอาหารขนาดใหญ่ และการจัดระเบียงโปร่งโล่งเพื่อสังสรรค์กับเพื่อนและญาติ ตั้งแต่ขึ้นบ้านใหม่มา ทั้งงาน ทั้งเล่น ทั้งบันเทิง ก็ดูจะถูกรวมไว้ในบ้านทั้งหมด
“การตัดสินใจที่ถูกต้องของฉันคือทำให้ห้องรับประทานอาหารมีขนาดใหญ่และมีระเบียงที่สะดวกสบาย สามารถจัดงานพบปะญาติ เพื่อนฝูง หรืองานเลี้ยงบริษัทที่บ้านได้ บรรยากาศดี ตกแต่งสวยงาม การผสมผสานระหว่างบ้านและสำนักงานช่วยให้ฉันประหยัดเวลาเดินทางได้มาก ประสิทธิภาพในการทำงานจึงดีขึ้นด้วย”
อัลบั้มภาพ 17 ภาพ