“ตรีชฎา” เตือน “ศุภชัย” ด่วนออกตัวปมสารวัตรคลั่ง หวังป้องภท.ปมกัญชา
ตรีชฎา เตือน ศุภชัย ใจสมุทร ด่วนออกตัวกรณีระงับเหตุสารวัตรกานต์ไม่เกี่ยวกัญชา หวังปกป้องพรรคตัวเองใช่หรือไม่ หลังผลชันสูตรศพพบกัญชาในร่างกาย ผลการแพทย์ยันชัดมีผลต่อจิตเวช สะท้อนนโยบายกัญชาเสรีล้มเหลว
น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ พ.ต.ท.กิตติกานต์ แสงบุญสารวัตรฝ่ายปกครองศูนย์พัฒนาด้านการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าระงับเหตุคลุ้มคลั่งจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยในข้อเท็จจริง มีการยืนยันจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ระบุว่า มีการตรวจพบสารเสพติดกลุ่มกัญชาในร่างกายของผู้เสียชีวิต อีกทั้งในบ้านพักยังพบอุปกรณ์การเสพกัญชาอัดแท่งกัญชาแห้ง บรรจุไว้ในกระปุกจำนวนมาก
บริเวณหลังบ้านยังมีต้นกัญชาสด 2 ต้นปลูกในกระถาง แพทย์ยืนยันว่าฤทธิ์ของกัญชาเมื่อเสพแล้วมีผลต่อจิตและประสาท กระตุ้นให้เกิดอาการทางจิตเวชให้กำเริบขึ้นมาได้ แต่นายศุภชัย ใจสมุทรนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กลับออกมาปฏิเสธต่ออาการของ พ.ต.ท.กิตติกานต์ ว่าไม่ได้เกี่ยวกับการเสพกัญชาจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดจึงรีบด่วนออกตัวปฏิเสธเร็วเกินไปนัก ถ้าผิดพลาดขึ้นมาจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือ ของพรรคภูมิใจไทยเสียเอง
น.ส.ตรีชฎา กล่าวว่า สิ่งที่ต้องพูดในเวลานี้ ต้องขออนุญาตญาติผู้เสียชีวิต ที่ต้องนำเรื่องราวที่เกิดขึ้น เป็นอุทาหรณ์ที่ไม่ใช่เรื่องของการเมือง แต่เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยกังวลและเป็นห่วงมาตลอดว่า กัญชาเสรีหากจะทำต้องทำอย่างรอบคอบทุกด้านและควรออกกฎหมายควบคุมก่อนที่จะมีการประกาศกัญชาเสรี เพราะการออกกฎหมายภายหลังจะไม่สามารถควบคุมการแพร่กระจายและผลเสียที่เกิดขึ้นไดั
ทั้งปัจจุบันและอนาคต ดังนั้น การที่นายศุภชัยบอกว่าอาการคลุ้มคลั่งของผู้เสียชีวิตไม่เกี่ยวกับการเสพกัญชาโดยสิ้นเชิง เป็นการปกป้องพรรคที่ตนเองสังกัดในฐานะเจ้าของนโยบายกัญชาเสรีหรือไม่ และควรนำสิ่งที่เกิดขึ้นมาถอดบทเรียนเพื่อนำไปสู่การแก้ไขไม่ฝืนสิ่งที่สังคม กังวลจะดีกว่าหรือไม่
พรรคภูมิใจไทยต้องยอมรับว่า กัญชาเสรีในเวลานี้มีการปลูกกันโดยทั่วไป เมื่อปลูกแล้วสิ่งที่ตามมาคือการเสพซึ่งไม่อาจป้องกันได้ นอกจากนี้ก็มีการซื้อขายกันในหลายสถานที่ กัญชาจึงมิได้จำกัดให้ใช้เฉพาะทางการแพทย์เท่านั้นแต่กำลังขยายไปสู่กัญชาเพื่อเศรษฐกิจ เพื่อสันทนาการโดยไม่มีการควบคุม การคลุ้มคลั่งของผู้เสียชีวิตที่จบชีวิตลง
ในขณะรับราชการตำรวจเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและน่าเสียใจ ควรจะเป็นบทเรียนที่พรรคภูมิใจไทย กระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลตระหนักและหยุดยั้งมิให้การเสพกัญชาเกิดขี้น ซึ่งไม่มีกฎหมายมารองรับ ผู้เกี่ยวข้องก็ปล่อยปละละเลย นำมาซึ่งผลกระทบทางสังคมซึ่งพรรคเพื่อไทยห่วงใยอย่างมาก