สายปริศนาโทร.หาดีเจ เล่าอุบัติเหตุที่ทำให้ตัวเองตาย ชาวเน็ตขุดต่อยิ่งอึ้ง จ้อจี้หรือผีจริง?
ไวรัลสายปริศนา โทร.หาดีเจ เล่าอุบัติเหตุที่ทำให้ตัวเองตาย ชาวเน็ตขุดต่อยิ่งช็อก เจอคลิปหลอนเหมือนเรื่องที่เล่า
กลายไวรัลสุดหลอนจากประเทศมาเลเซีย เมื่อหญิงรายหนึ่งโทรศัพท์เข้ามาระบายความทุกข์ใจกับดีเจฟาซซิค มูคริส ที่กำลังไลฟ์สตรีมการจัดรายการวิทยุ PM 40 ERA ผ่านทาง TikTok ของสถานี โดยมีสายโทร. เข้ามาในรายการ เป็นเสียงผู้หญิง
ปลายสายได้เล่าด้วยน้ำเสียงเศร้า ย้อนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อปี 1992 ตอนที่เธออายุ 23 ปี เธออยากจะซื้อกระเป๋าให้แม่มาก แม้พ่อแม่จะห้ามไม่ให้เธอออกจากบ้านในช่วงเทศกาลฮารีรายอ แต่เธอก็ตัดสินใจออกจากบ้านเพื่อซื้อกระเป๋าเป็นของขวัญให้แม่
ในตอนนั้นเธอขับรถไปตามถนนที่มืดมิดและต้องเลี้ยวรถ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอกลับยังขับรถตรงไป ทำให้รถของเธอแหกโค้งตกลงไปยังคูน้ำข้างทาง ซึ่งขณะนั้นกระจกของรถเปิดได้เพียงบางส่วนและประตูติด เปิดออกไม่ได้ ทำให้เธอถูกขังอยู่ในรถ ณ ตอนนั้น เธอได้ตัดสินใจโยนกระเป๋าที่ตั้งใจซื้อมาให้แม่ออกไปนอกรถ ก่อนที่รถจะถูกไฟไหม้ และร่างของเธอยังติดอยู่ในนั้น
จากนั้นเสียงของหญิงปลายสายก็เหมือนร้องไห้อย่างหนัก พูดซ้ำๆ ขอให้ดีเจช่วยนำกระเป๋าใบนั้นไปให้แม่ของเธอ ในขณะที่ดีเจหนุ่มฟาซซิค เริ่มหน้าถอดสี สับสน และตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อขอให้ปลายสายอธิบายเพิ่ม และถามว่าเธออยู่ที่ไหน แต่หญิงรายนี้กลับส่งเสียงสะอื้นต่อไป ก่อนที่อยู่ๆ เสียงร้องไห้จะกลายเป็นหัวเราะเสียงสูง
ทั้งนี้ คลิปจากการไลฟ์ดังกล่าวได้กลายมาเป็นที่ฮือฮาและถูกแชร์ต่อไปอย่างมาก มีคนเข้ามาดูหลายล้านครั้ง แต่ก็ไม่มีใครตอบได้ว่าสายดังกล่าวเป็นจริงหรือแค่โทร. มาแกล้งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลังเรื่องราวดังกล่าวกลายเป็นไวรัล ถกเถียงถึงเรื่องราวของหญิงปลายสาย ชาวเน็ตก็ได้สืบหาความจริง ก่อนจะพบเบาะแสว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นคล้ายกับที่หญิงคนนั้นเล่า แต่เหตุการณ์เกิดปี 2019 ไม่ใช่ 1992 พร้อมแชร์คลิปขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ซากรถขึ้นมาจากข้างทาง ที่เห็นเหมือนมีมือคนพยายามโยนบางอย่างออกมาจากในรถ ทั้งที่ภายในรถไม่มีคนอยู่ ยิ่งทำเอาชาวโซเชียลต่างขนหัวลุก เพราะมันบังเอิญไปพ้องกับเรื่องเล่าของหญิงปลายสาย ที่บอกว่าโยนกระเป๋าออกมา
เรื่องดังกล่าวจึงยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด ว่าหญิงคนที่โทร. มาเล่าในรายการเป็นคนหรือผี เป็นเรื่องจริง เรื่องบังเอิญ หรือแค่แต่งเรื่องให้คล้ายกับเหตุการณ์จริงขึ้นมาแกล้ง ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและความเชื่อส่วนบุคคล