หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"

หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"

หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่มทุ่มเงินเก็บทั้งชีวิตสู่ขอสาวที่เพิ่งรู้จัก 28 วัน เพิ่งรู้ความลับสุดช็อกในคืนก่อนแต่งงาน ครอบครัวว่าที่เจ้าสาวยังตีมึนบอก “มีอาการก็แค่กินยา”

ตามรายงานพบว่า เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 นายเอ (นามสมมุติ) ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน วางแผนที่จะแต่งงานกับนางสาวบี (นามสมมุติ) แต่กลับเจอเรื่องไม่คาดคิดในคืนก่อนวันแต่งงาน เมื่อพบว่าคู่หมั้นของเขากำลังปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่ เรื่องอาการป่วยของเธอ ทำให้เขาและครอบครัวยอมรับไม่ได้ และทำให้ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันอย่างหนัก

สุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้ ทางครอบครัวฝ่ายชายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับนักข่าว เมื่อนักข่าวเดินทางไปถถึงที่เกิดเหตุ พบนายเอกำลังเผารูปถ่ายงานแต่งงานที่สนามหน้าบ้าน เขาบอกด้วยความเจ็บปวดว่าเขาเตรียมงานแต่งงานอย่างหนัก เพียงเพื่อจะพบว่ามันคือกับดักที่ครอบครัวของว่าที่เจ้าสาววางไว้

นานเอเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวฐานะธรรมดา เขามักจะพยายามทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรัก จนกระทั่งอายุ 30 เขาจึงเริ่มคิดจะแต่งงาน แต่การหาคู่ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่าย สุดท้ายคนรู้จักก็ได้แนะนำนางสาวบี อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวเช่นกัน หลังจากเรียนจบเธอยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยคบหาดูใจกับใคร อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับนายเอ สถานการณ์ของนางสาวบีดีกว่าเล็กน้อย เนื่องจากเธอเรียนจบมหาวิทยาลัย และมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงาม

ในการพบกันครั้งแรก นายเอรู้สึกสนใจนางสาวบีทันที ครอบครัวของทั้งสองก็พอใจกับอีกฝ่ายมากเช่นกัน ดังนั้น เวลาในการเรียนรู้และดูใจกันจึงรวดเร็วมาก พบกันครั้งแรกจนถึงวันที่จดทะเบียนสมรส มีระยะเวลาเพียง 21 วันเท่านั้น ก่อนที่จะวางแผนแต่งงานกัน โดยตั้งใจจะจัดในวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ครอบครัวของเจ้าบ่าวยังให้เงินสินสอด 200,000 หยวน (ประมาณ 1 ล้านบาท) แก่ครอบครัวของเจ้าสาวตามที่ถูกร้องขอด้วย

อย่างไรก็ดี ในวันที่ 30 เมษายน 2565 หรือในวันก่อนวันแต่งงาน ทั้งสองครอบครัวไปพบกันที่บ้านหลังใหม่ที่จะใช้เป็นเรือนหอของคู่บ่าวสาว ซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเจ้าบ่าวซื้อให้ย้ายเข้าไปอยู่หลังแต่งงาน ขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังชื่นชมการตกแต่งและภาพถ่ายงานแต่งงานที่สวยงามอยู่นั้น เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น จู่ๆ นางสาวบีก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะและตบลงมาที่ศีรษะของตัวเอง เธออยู่ในสภาวะที่ควบคุมการกระทำไม่ได้ มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นเธอก็พ่นคำหยาบออกมาต่อหน้าทุกคน

ครอบครัวของนายเอตกใจมากกับเรื่องนี้ ไม่คาดคิดว่าจู่ๆ ผู้หญิงที่สง่างามและอ่อนโยนคนนี้จะมีการกระทำเช่นนี้ ในขณะที่ครอบครัวของฝ่ายหญิงพูดอย่างใจเย็นว่า "ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก ตราบใดที่เธอกินยาตรงเวลา ก็ไม่เป็นไรแล้ว" ในเวลานี้ครอบครัวของนายเอมั่นใจแล้วว่า นางสาวบีป่วยเป็นโรคทางจิตและจะมีอาการชักเป็นครั้งคราว พวกเขาเชื่อว่าครอบครัวของว่าที่เจ้าสาวจงใจปกปิดเรื่องนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้มีการยกเลิกงานแต่งงาน เพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่ป่วยทางจิตได้ ในขณะเดียวกันครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะและโต้เถียงกันอย่างดุเดือด

จากการลงพื้นที่นักข่าวได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกัน อย่างไรก็ตาม นานเอไม่ได้เป็นผู้ลงนาม แต่เป็นอาของเขา และเพราะความรีบร้อนจึงลงนามโดยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดให้ดี เนื้อหาของข้อตกลงคือตระกูล ครอบครัวนางสาวบีจะไม่คืนเงินงานสินสอดให้กับตระกูลนานเอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ตาม ทำให้ยิ่งเชื่อได้ว่าครอบครัวนางสาวบีเล็งเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้ว

ทางด้านแม่ของนางสาวบี กล่าวว่าทั้งสองครอบครัวได้ตกลงเรื่องการแต่งงานแล้ว ตอนนี้ หากนายเอต้องการหย่าร้าง ชื่อเสียงของลูกสาวเธอจะเสียหาย เธอยังยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ป่วยทางจิต แค่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมากเกินไปเท่านั้น อย่างไรก็ดี เมื่ออีกฝ่ายขอให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัดเจน ถ้าผลออกมาว่าเธอไม่ได้มีปัญหาทางจิต นายเอยินดีจะขอโทษและจัดงานแต่งงานตามเดิม แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นครอบครัวฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าเห็นด้วยทันที

ในท้ายที่สุด ด้วยคำแนะนำของนักข่าวและทนายความ นายเอจึงตัดสินใจนำคดีขึ้นสู่ศาล ต้องขอบคุณกฎหมายสำหรับการพิจารณาคดี หากนางสาวบีมีอาการป่วยทางจิตจริงๆ นายเอสามารถหย่าตามกฎหมายและเรียกร้องเงินสินสอดคืนได้

 

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ หนุ่มช็อก บังเอิญเห็น "ว่าที่เจ้าสาว" คลั่งทุบหัวก่อนเข้าพิธี แม่ตีมึนบอก “แค่ต้องกินยา"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook