คนกลัวติดคุก แห่ปิดบัญชีม้ากว่า 500 ราย ธนาคารแทบแตก กฎหมายใหม่ได้ผลทันตา

คนกลัวติดคุก แห่ปิดบัญชีม้ากว่า 500 ราย ธนาคารแทบแตก กฎหมายใหม่ได้ผลทันตา

คนกลัวติดคุก แห่ปิดบัญชีม้ากว่า 500 ราย ธนาคารแทบแตก กฎหมายใหม่ได้ผลทันตา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(21 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม บรรยากาศความเคลื่อนไหว ภายหลังมีการออกกฎหมายใหม่ เกี่ยวกับ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เน้นเอาผิดเกี่ยวกับ การกระทำผิดอาชญากรรมทางออนไลน์ รวมถึงการเปิดบัญชีม้า ประกอบธุรกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมาย โดยมีโทษทั้งจำทั้งปรับ ทำให้ชาวบ้าน ในพื้นที่ อำเภอต่างๆ ของ จ.นครพนม ต่างแตกตื่นกลัวความผิด แห่ออกมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมติดต่อธนาคารที่เปิดบัญชี เพื่อตรวจสอบหลักฐานปิดบัญชี ป้องกันความผิดทางกฎหมาย

ทั้งนี้สืบเนื่องจากพื้นที่ จ.นครพนม ก่อนนี้ เคยมีปัญหา มีนายหน้าขบวนการ เปิดบัญชีม้า เดินสายตระเวนหลอกลวงชาวบ้าน ให้นำเอกสารหลักฐาน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน อ้างว่าจะนำไปเป็นสมาชิกพรรคการเมือง รวมถึงรับค่าตอบแทนสวัสดิการจากหน่วยงานรัฐ พร้อมเสนอให้ค่าตอบแทน หัวละ 400 -500 บาท ทำให้ ชาวบ้าน หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ จนกระทั่งมาทราบภายหลัง ว่ามีชาวบ้านบางราย ตกเป็นเหยื่อมีชื่อฐานความผิดเปิดบัญชีม้า บวกกับมีการบังคับใช้กฎหมายใหม่ เอาผิดผู้เปิดบัญชีม้า ทำให้ ชาวบ้านพากันไปตรวจสอบข้อมูลจากธนาคารต่างๆ รวมถึงแจ้งความไว้เป็นหลักฐานต้องกันความผิด ที่จะตามมา

เช่นเดียวกันกับ พื้นที่ อ.เรณูนคร อ.นาแก และ อ.ธาตุพนม มีชาวบ้านตกเป็นเหยื่อ ออกมาแสดงตัวขอปิดบัญชีจากธนาคารแล้วไม่ต่ำกว่า 400 -500 ราย โดยจาการสอบถามชาวบ้าน เปิดเผยว่า เมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีนายหน้า ชาวบ้านในพื้นที่ ตระเวนรวบรวมเอกสารหลักฐาน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน อ้างว่าจะนำเป็นหลักฐานในการร่วมเป็นสมาชิกพรรคการเมือง รวมถึงรับเงินสวัสดิการต่างๆ จากหน่วยงานรัฐ พร้อมเสนอค่าตอบแทน รายละ 400 -500 บาท ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อ และหวังอยากได้เงินค่าจ้าง พอมารู้ทีหลัง บางรายพบว่า มีการเปิดบัญชีธนาคาร

และมีเงินหมุนเวียนหลายแสน บางรายถูกดำเนินคดีฐานความผิดเปิดบัญชีม้า พอทราบข่าวมีการประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานเกี่ยวข้อง จึงออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ แจ้งความต่อตำรวจตามโรงพักในท้องที่ และตรวจสอบตามธนาคารต่างๆ เพื่อตรวจสอบปิดบัญชี หากมีการนำเอกสารไปเปิดบัญชีโดยไม่มีส่วนรู้เห็นป้องกันความผผิดฐานเปิดบัญชีม้า

ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในช่วงนี้จากการตรวจสอบข้อมูลตามโรงพักท้องที่ต่างๆ ในพื้นที่ 12 อำเภอ พบว่าหลายโรงพัก มีชาวบ้าน ออกมาแจ้งความเป็นหลักฐาน กรณีถูกหลอกนำหลักฐานไปเปิดบัญชีธนาคาร ที่เสี่ยงต่อความผิดฐานเปิดบัญชีม้า หลังมีการบังคับใช้กฎหมายใหม่ เกี่ยวกับ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 โดยก่อนนี้ถูกนายหน้า เสนอให้ค่าตอบแทน หัวละ 400 -500 บาท อ้างว่า จะนำหลักฐานไปเป็นสมาชิกพรรคการเมือง รวมถึงรับเงินสวัสดิการรัฐ แต่ลักลอบนำไปเปิดบัญชี โดยเจ้าตัวไม่รู้เรื่อง เสี่ยงเกิดความผิดภายหลังหากมีผู้เสียหาย

อย่างไรก็ตามฝากพี่น้องประชาชนที่สงสัยตัวเองเข้าข่ายตความผิด และมีนายหน้านำเอกสารไปดำเนินการทางนิติกรรมการเงิน หรือเปิดบัญชี ให้ไปติดต่อกับทางธนาคารต่างๆ เพื่อตรวจสอบเอกสาร หากพบว่ามีการเปิดบัญชีม้า หรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้แจ้งความเป็นหลักฐาน พร้อมทำการปิดบัญชี ป้องกันความปิดทางกฎหมายที่จะตามมา ภายหลัง ส่วนการดำเนินการของตำรวจจะได้มอบหมายให้ส่วนเกี่ยวข้องสอบสวนเอาผิด หากบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือกระบวนการนายหน้ามีส่วนรู้เห็นหลอกลวงชาวบ้าน

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. กล่าวว่า ตามที่ราชกิจจานุเบกษา เผยแผ่ พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 มีผลบังคับไปแล้วเมื่อ 17มี.ค.66 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหน่วยหลักการบังคับใช้กฎหมาย ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวแล้ว พร้อมกับแจ้งข้อกฎหมาย แนวทางการปฏิบัติให้ประชาชนรับทราบว่า อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ คดีออนไลน์เพื่อฉ้อโกง กรรโชกและรีดเอาทรัพย์

ถือเป็นคดีที่ต้องอยู่บังคับของกฎหมายฉบับนี้ เพื่อการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ มีเหตุสงสัยว่าอาจจะมีการทำผิดทางเทคโนโลยี สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจ มีอำนาจแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีและธุรกรรมของลูกค้าผ่านระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยไม่ถือว่าบัญชีม้าเป็นข้อมูลที่ได้รับรองตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

 

ดังนั้นข้อมูลบัญชีม้า จะถูกธนาคารและเจ้าหน้าที่ส่งต่อให้กัน เพื่อระงับช่องทางการทำธุรกรรมและอายัดบัญชีด้วยความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ช่วยระงับความเสียหายของผู้เสียหายได้ โดยผู้ให้บริการโทรคมนาคม มีอำนาจแลกเปลี่ยนข้อมูล ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ปปง. และหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตเข้าถึงข้อมูลที่มีการแลกเปลี่ยนได้

ทั้งนี้ ผู้เสียหายสามารถแจ้งข้อมูลไปยังสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจเพื่อแจ้งให้สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจที่รับโอนระงับการทำธุรกรรมไว้ทันทีเป็นการชั่วคราว จากนั้นให้ผู้เสียหายร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนภายในเวลา 72 ชั่วโมง โดยสามารถแจ้งความร้องทุกข์กับ พงส.ที่ใดก็ได้เมื่อผู้เสียหายไปร้องทุกข์แล้ว พนักงานสอบสวนจะพิจารณาดำเนินการกับบัญชีธนาคารดังกล่าวภายใน 7 วัน พร้อมระบุระบบแจ้งความออนไลน์ Thaipoliceonline.com พร้อมเปิดระบบใช้งานได้ในวันนี้ (20 มี.ค.66)

โฆษก ตร.กล่าวว่าสำหรับบทลงโทษผู้ที่ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (บัญชีม้า)ส่วน คนจัดหาบัญชีม้า ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,0000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (คนจัดหาบัญชีม้า)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook