วงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆ
วงจรปิดแฉชัดทุกมุม ตำรวจ สภ.โรงเหนือ ชักปืนยิงในผับ หลังจากมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะอื่น
คลิปจากกล้องวงจรปิดสามารถแฉพฤติกรรมของ ตำรวจ 3 นาย แต่งกายชุดนอก ได้พากันเที่ยวในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ ก่อนจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะข้างๆ จนเกิดเหตุบานปลายทำให้มีตำรวจนายหนึ่งชักปืนขึ้นมายิงขู่ภายในร้าน ซึ่งกล้องวงจรปิดหน้าร้านสามารถจับภาพตำรวจที่ชักปืนขึ้นมายิงข่มขู่ได้อย่างชัดเจน
จากนั้นมีเพื่อนของตำรวจนายนี้เข้ามาห้ามปราบ ขณะที่กล้องวงจรปิดอีกมุมภายในร้านจับภาพได้ไกลๆ จะเห็นการชุลมุนกันของทั้งสองฝ่าย โดยมีสายตรวจนายหนึ่งพยายามเข้าไประงับเหตุภายในร้าน ขณะที่คลิปจากกล้องมือถือที่มีการถ่ายไว้ได้จะเห็นว่ามีชายผมเกรียนนายหนึ่งพยายามโวยวายแล้วเข้าหาเรื่องคู่กรณี แต่มีทางด้านเพื่อนเข้ามาห้ามปราบไว้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 ทีมข่าวเราไปพบกับ นายต้อง อายุ 43 ปี หนึ่งในกลุ่มคู่กรณีที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของตำรวจในคืนวันเกิดเหตุ ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนของ สภ.เมือง สมุทรปราการ ตามหมายเรียกในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น
นายต้อง เปิดใจกับทีมข่าวว่า คืนวันเกิดเหตุเป็นคืนวันที่ 13 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 02.00 น. สถานที่เกิดเหตุคือร้านบน ถ.ศรีนครินทร์ ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ในคืนดังกล่าวตนเองและเพื่อนทั้งชายหญิงรวมประมาณ 8 คน ไปเที่ยวดื่มกินที่ร้านแห่งนี้กันตามปะสานักท่องเที่ยวปกติ จนกระทั่งร้านปิดและตนเองขอขึ้นไปร้องเพลงสุดท้าย กลุ่มเพื่อนของตนเองก็พากันร้องเพลงตามอย่างสนุกสนาน
ในระหว่างที่กำลังพากันร้องเพลงสุดท้ายนั้น ปรากฏว่ามีเสียงจากโต๊ะข้างๆ ตะโกนโวยวายด่าทอใส่ ทำให้น้องที่กลุ่มที่มาด้วยกันพยายามเข้าไปเคลียร์กับโต๊ะข้างๆ ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นโต๊ะดังกล่าวที่มากันประมาณ 4 คน เป็นตำรวจถึง 3 คน มาทราบภายหลัง หลังจากที่มีน้องเข้าไปเคลียร์ปรากฏว่ามีน้องที่รู้จักรกันคนหนึ่งเข้ามาขอโทษขอโพยที่เพื่อนในกลุ่มพูดจาไม่ดีใส่ แต่แทนที่เรื่องจะจบ กลับพบว่ามีหนึ่งในกลุ่มยังคงโวยวายและด่าทอ ทำให้น้องในกลุ่มตนเองอีกคนเข้าไปเคลียร์อีกครั้ง แต่กลับถูกอีกฝ่ายให้ของลับใส่ทำให้น้องที่เข้าไปเคลียร์ตบหน้าชายคนดังกล่าว จากนั้นก็เกิดการชกต่อยจนชุลมุนกัน
ไม่นานตนเองได้ยินเสียงยิงปืนดังขึ้นหน้าร้าน จึงหันไปมองพบว่ามีชายคนหนึ่งที่มาในกลุ่มของคู่กรณีชักปืนขึ้นมายิงขึ้นฟ้า ตนเองจึงเข้าไปถามว่ายิงปืนทำไม และทำไมต้องพกปืนเข้ามา อีกทั้งตนเองและเพื่อนมากันมือเปล่า ทำให้ชายคนที่ยิงปืนถอยหลังออกไป ตนเองจึงหันมาชกต่อยกับอีกคนในกลุ่มคู่กรณี
จนกระทั่งมีรถสายตรวจของ สภ.สำโรงเหนือ มาถึงที่เกิดเหตุ และเชิญชายคนที่ยิงปืนขึ้นรถสายตรวจ โดยไม่มีการล็อกกุญแจมือแต่อย่างใด ซึ่งตอนนั้นตนเองยังโวยวายถามเจ้าหน้าที่สายตรวจว่าทำไมไม่ล็อกกุญแจมือ อีกทั้งสถานที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ของ สภ.เมืองสมุทรปราการ ไม่ใช่ของ สภ.สำโรงเหนือ ระหว่างนั้นไม่นานก็มีสายตรวจของ สภ.เมืองสมุทรปราการ เข้ามาระงับเหตุจนกระทั่งต่างฝ่ายต่างแยกย้าย
ซึ่งเรื่องราวตนเองคิดว่าจะจบลงในคืนนั้นเพราะตนเองก็ไม่ได้แจ้งความแต่อย่างใด จนมาทราบจากพนักงานสอบสวนของ สภ.เมืองสมุทรปราการ ว่ากลุ่มคู่กรณีมีการมาแจ้งความ จึงเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา และแจ้งความกลับกลุ่มคู่กรณีเช่นกัน และมาทราบภายหลังว่ากลุ่มคู่กรณีเป็นตำรวจของ สภ.สำโรงเหนือ 2 นาย และตำรวจของกองกำกับการสืบจังหวัดอีก 1 นาย ซึ่งพอทราบว่าคู่กรณีเป็นตำรวจและมีการใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงร้องต่อสื่อมวลชนด้วยเช่นกัน
อัลบั้มภาพ 23 ภาพ