“เศรษฐา” ขอบคุณโพลติดอันดับคนกทม.อยากให้เป็นนายกฯ
“เศรษฐา” ขอบคุณโพลติดอันดับคนกทม.อยากให้เป็นนายกฯ ยัน แพทองธาร อันดับร่วงไม่เกี่ยวเปิดตัวแคนดิเดตช้า แจงไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อเหตุแยกบริหารกับนิติบัญญัติ ไม่ขอไปอยู่ในเกมการตอบโต้หลัง ประยุทธ์ เตือน ระวังสไลด์ออกนอกเลน
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวระหว่างลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทยหาเสียงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ถึงผลสำรวจคะแนนความนิยมที่ล่าสุดมีชื่อติดหนึ่งใน 10 ที่คนกรุงเทพเชียร์ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ตนยังไม่ได้ดูผลสำรวจ และยังคงเดินหน้าหาเสียง แต่อย่างไรก็ตามขอบคุณประชาชนที่สนับสนุน อยากให้มีส่วนร่วมในการทำเพื่อบ้านเมือง ยืนยันจะทำอย่างเต็มที่
ส่วนความนิยมของพรรคที่ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งบัญชีรายชื่อและส.ส.เขต นายเศรษฐา ระบุว่า พรรคเพื่อไทยใช้นโยบายนำมาตั้งแต่อดีต และในภาพก็มีแต่บุคลากรที่มีคุณภาพ เป็นพรรคที่มีความสามารถ และยังคงเดินหน้าจัดทำนโยบายที่ดีต่อไปรวมถึงเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนในส่วนที่ยังมีข้อกังขา
ขณะที่คะแนนนิยมของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยที่ตกลงมาเป็นอันดับสอง นายเศรษฐา ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีช้า มองว่าโพลก็คือโพล เราก็เดินหน้าต่อทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคยังคงเป็นวันที่ 5 เม.ย.ตามเดิม
ส่วนมีการเปิดบัญชี ส.ส. 100 คน ไม่มีชื่อของนายเศรษฐาและน.ส.แพทองธาร นั้น นายเศรษฐา ย้ำว่า ฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติควรแยกกัน การที่ชื่อของตนไม่อยู่ในบัญชีก็ไม่เกินความคาดหมาย เพราะตนพูดมาตลอดว่าต้องแยกกัน แม้หลายคนจะอยากให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมาอยู่ในบัญชีรายชื่อแต่รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ สิ่งสำคัญคือการบริหารราชการแผ่นดิน ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติให้เป็นหน้าที่ของส.ส. และฝ่ายบริหารเมื่อทำหน้าที่แล้วก็ควรที่จะไปตอบกระทู้ในสภา เพราะเป็นคำถามที่มาจากประชาชน
นอกจากนี้นายเศรษฐ ยอมรับว่า ในพรรคมีคนเสนอตัวลงบัญชีรายชื่อเยอะ จึงต้องแบ่งพื้นที่ให้ และถือเป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคในการจัดสรรคน
ส่วนกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีระบุว่าการเเลนส์สไลด์หากลงไม่ดีจะออกนอกเลน และเจ็บตัวอีกนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า ไม่ขอแสดงความเห็น เพราะไม่เข้าใจว่าสไลด์ออกนอกเลนคืออะไร และไม่อยากถูกลากเข้าไปในเรื่องของการตอบโต้ “ท่าน เป็นนายกท่านเป็นผู้ใหญ่ท่านอยากพูดอะไรก็เรื่องของท่าน เราก็รับฟัง” เหนือสิ่งอื่นใดคือการเดินหน้าปราศรัยและพบปะประชาชนเพื่อตอบข้อซักถาม