ฝุ่น PM 2.5 พ่นพิษเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวหนีลงทะเล ผู้ประกอบการโอดเงียบเหงา

ฝุ่น PM 2.5 พ่นพิษเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวหนีลงทะเล ผู้ประกอบการโอดเงียบเหงา

ฝุ่น PM 2.5 พ่นพิษเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวหนีลงทะเล ผู้ประกอบการโอดเงียบเหงา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ นอกจากจะกระทบกับสุขภาพของประชาชนและผู้ที่อยู่ใน จ.เชียงใหม่ โดยตรงแล้ว ยังเริ่มส่งผลกระทบต่อปากท้องของชาวบ้าน โดยเฉพาะรายได้หลักจากการท่องเที่ยว เนื่องจากนักท่องเที่ยวเริ่มเปลี่ยนเส้นทางท่องเที่ยวไปทางภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ซึ่งมีอากาศที่สดใสกว่าหรือเรียกว่าไปเที่ยวทางทะเลกันมากกว่า

ขณะเดียวกันผู้ประกอบการหลายคนเผยว่าต้องรอลุ้นไปถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึง หากยังมีหมอกควันก็อาจจะกระทบหนักกับภาคธุรกิจการท่องเที่ยวมากขึ้น

ส่วนบรรยากาศตามสถานที่ท่องเที่ยวใน จ.เชียงใหม่เมื่อวันจันทร์ (27 มี.ค.) จากที่เคยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวจีน และตะวันตก ออกมาเดินเที่ยวถ่ายภาพกับประตูท่าแพ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ กลับบางตา มีเพียงคนขายอาหารนก และที่มาบริการรับถ่ายภาพให้นักท่องเที่ยวนั่งรอนักท่องเที่ยวที่นานๆ จะมีเดินมาคนหรือสองคนเท่านั้น

ไม่ใช่แค่นั้นตามวัดวาอารามต่างๆ ก็เงียบเหงา เช่นเดียวกันกับอีกหลายอาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ทั้งร้านค้าร้านอาหาร โรงแรมที่พัก ร้านรถเช่า ก็ได้รับผลกระทบกันอย่างหนักในตอนนี้

ด้านสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในภาคเหนือของกรมควบคุมมลพิษที่มีอยู่ 32 จุด พบว่า มีค่า PM 2.5 เกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีแดงมากถึง 20 จุด ระหว่าง 91 – 546 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สูงที่สุดที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และอยู่ในระดับสีส้มอีก 10 จุด มีเพียงในตัวเมืองตากและตัวเมืองนครสวรรค์ที่ไม่เกินค่ามาตรฐาน

ขณะที่เว็บไซต์ IQAir ซึ่งจัดอันดับคุณภาพอากาศตามเมืองสำคัญของโลก ระบุว่า จ.เชียงใหม่ ยังครองแชมป์อันดับ 1 เมืองมลพิษโลกต่อเนื่อง เช้าวันนี้ตรวจวัดค่าดัชนีคุณภาพอากาศได้สูงถึง 199 US AQI

ปริมาณฝุ่นควันที่เพิ่มสูงขึ้นจนอยู่ในระดับวิกฤตของภาคเหนือ นอกจากจะถูกลมพัดพาเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีจุดความร้อนจำนวนมากแล้ว จุดความร้อนในภาคเหนือเองก็มีเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

เมื่อวันอาทิตย์ (26 มี.ค.) พบว่ามีจุดความร้อนทั่วภาคเหนือรวม 4,115 จุด มากที่สุดคือ จ.น่าน 638 จุด รองลงมาคือ จ.แม่ฮ่องสอน 558 จุด ส่วนที่ จ.เชียงราย พบมากเป็นอันดับที่ 4 คือ 338 จุด ขณะเดียวกัน จ.เชียงใหม่ มีจำนวน 257 จุด ส่งผลให้ฝุ่นควันที่ลอยสะสมอยู่สมทบกับฝุ่นควันไฟที่เกิดขึ้นใหม่ แม้มีลมตะวันตกที่พัดเข้ามา แต่กระแสลมที่อ่อนจึงระบายฝุ่นควันออกไปไม่ได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook