ศาลสั่งจำคุก 13 ม็อบ กปปส. ขัดขวางการสมัครรับเลือกตั้งปี 56

ศาลสั่งจำคุก 13 ม็อบ กปปส. ขัดขวางการสมัครรับเลือกตั้งปี 56

ศาลสั่งจำคุก 13 ม็อบ กปปส. ขัดขวางการสมัครรับเลือกตั้งปี 56
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ในกรุงเทพมหานคร อ่านคำพิพากษาเมื่อวันอังคาร (28 มี.ค.) ให้จำคุกผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส. จำนวน 13 คน นาน 2 ปี โดยไม่รอลงโทษ จากการขัดขวางการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบปาร์ตี้ลิสต์เมื่อปลายปี 2556

คดีนี้ อัยการระบุว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ปีดังกล่าว จำเลยทั้ง 13 รายนี้ ใช้อาวุธ และทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยการขว้างปา ยิงลูกแก้ว หัวน็อต ไม้หน้าสาม ก้อนซีเมนต์ตัวหนอน ทั้งยังถอยรถขนขยะชนประตูเพื่อเปิดทางแล้วปิดล้อมศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ก่อนบุกเข้าไปภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2 เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เปิดรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อได้

ศาลพิพากษาว่าจำเลยทั้ง 13 คน ทำผิดกฎหมายหลายข้อ ดังนี้ 

  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรคสอง
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 216
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 (1) (2) ประกอบมาตรา 362 และ 364
  • พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2550 มาตรา 43 วรรคสอง (เดิม) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

ศาลเห็นว่า การกระทำของจำเลยทั้ง 13 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์และเคหสถาน โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุกคนละ 2 ปี 

ผู้ชุมนุม กปปส. ขัดขวางการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. แบบปาร์ตี้ลิสต์ บริเวณหน้าศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2556PORNCHAI KITTIWONGSAKUL / AFPผู้ชุมนุม กปปส. ขัดขวางการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. แบบปาร์ตี้ลิสต์ บริเวณหน้าศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2556

อย่างไรก็ตามจำเลยที่ 1-9 และที่ 11-13 ให้การในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 4 ด้านจำเลยที่ 10 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78

เหตุนี้ทำให้โทษจำคุกของจำเลยที่ 1, ที่ 3-9 และที่ 11-13 เหลือคนละ 18 เดือน ส่วนจำเลยที่ 10 เหลือ 16 เดือน

ขณะเดียวกัน จำเลยที่ 2 ให้เพิ่มโทษ หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 2 ปี 8 เดือน แต่ให้การในชั้นสอบสวนตามที่ระบุไปแล้ว ให้ลดโทษ 1 ใน 4 เหลือ 24 เดือน

ส่วนสาเหตุที่ไม่รอลงอาญาจำเลยเหล่านี้ ศาลอธิบายว่า เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มก่อเหตุรุนแรงโดยใช้หนังสติ๊กยิงหัวน็อต ลูกแก้วลูกเหล็ก และขว้างปาก้อนอิฐ ก้อนซีเมนต์ตัวหนอน ประทัดยักษ์ ระเบิดปิงปอง เป็นต้น ใส่เจ้าพนักงานตำรวจที่รักษาความสงบเรียบร้อยในที่เกิดเหตุ จำเลยทั้ง 13 ก็ควรเลิกชุมนุมตามที่เจ้าพนักงานตำรวจแจ้งให้เลิก แต่จำเลยทั้ง 13 กลับไม่เลิกชุมนุมแล้วยังบุกรุกเข้ามาในที่เกิดเหตุอีก พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรงที่ไม่สมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลยทั้ง 13

ผู้ชุมนุมใช้หนังสติ๊กเป็นอุปกรณ์ตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐที่มาดูแลความสงบระหว่างการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2556PORNCHAI KITTIWONGSAKUL / AFPผู้ชุมนุมใช้หนังสติ๊กเป็นอุปกรณ์ตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐที่มาดูแลความสงบระหว่างการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2556

นอกจากนี้ ศาลยังสั่งให้นำโทษของจำเลยบางคนในคดีอื่นมารวมกับคดีนี้ด้วย ดังนี้

  • จำเลยที่ 4
    • บวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 13530/2555 จำนวน 3 เดือน และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 13531/2555 จำนวน 3 เดือน ของศาลแขวงธนบุรี เข้ากับคดีนี้เป็นจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 24 เดือน
  • จำเลยที่ 5
    • บวกโทษจำคุกจำเลยที่ 5 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 336/2555 จำนวน 1 เดือน ของศาลแขวงพระโขนงเข้ากับคดีนี้เป็นจำคุกจำเลยที่ 5 มีกำหนด 19 เดือน
  • จำเลยที่ 7
    • นับโทษจำคุกจำเลยที่ 7 ในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย 704/2563 ของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook