บิ๊กจิ๋ว-ชวน ชมวิทยารมต.น้ำดีสุภาพบุรุษไขก๊อก

บิ๊กจิ๋ว-ชวน ชมวิทยารมต.น้ำดีสุภาพบุรุษไขก๊อก

บิ๊กจิ๋ว-ชวน ชมวิทยารมต.น้ำดีสุภาพบุรุษไขก๊อก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พล.อ.ชวลิต ชี้ วิทยา ไขก๊อกเป็นวิถีทางสุภาพบุรุษ เมินตอบกรณี มานิต ระบุเจ้าตัวต้องคิดเอง ชวน ชื่นชมแสดงสปิริต การันตีเป็นรมต.น้ำดี ชทพ. จวกรัฐสอบตกสมานฉันท์แก้ไขศก.ยังไม่ชัด

เมื่อเวลา 11.45 น.วันที่ 30 ธ.ค.พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายวิทยา แก้วภราดัย ลาออกจากตำแหน่ง รมว.สาธารณสุขว่า เป็นธรรมดาที่นายวิทยาคงมีความรู้สึกรับผิดชอบ ซึ่งเป็นวิถีทางของสุภาพบุรุษ ส่วนกรณีของนายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข ที่ยังไม่ตัดสินใจนั้น ถือเป็นเรื่องของนายมานิต ที่จะต้องพิจารณาตัดสินใจเอง

เมื่อถามว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ควรทำอย่างไร เพราะในรัฐบาลชุดนี้พบการกระทำที่ส่อทุจริตถึง 2 ครั้งแล้ว พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีคงรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นต้องมีการปรับ ครม.ใหญ่หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีที่ต้องมีความเป็นผู้นำ ต้องตัดสินใจ และในสถานการณ์นี้นายกรัฐมนตรีคงรู้ดีและขอให้นายกรัฐมนตรีอย่าซ้ำเติมหรือขยายผล เรื่องนี้มองว่าหากปล่อยไว้คงไม่เหมาะ

เมื่อถามว่าการแก้ปัญหาจะต้องถึงขั้นยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ทุกคนควรรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะแก้ปัญหาได้สำเร็จมากกว่าการยุบสภาหรือการปฏิวัติ ซึ่งตนคิดว่าผู้ใหญ่ในรัฐบาลและผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากคงช่วยกันแก้ปัญหาได้

"ชวน"ชมวิทยาแสดงสปิริต การันตีเป็นรมต.น้ำดี

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายวิทยาได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับตน ตั้งแต่คืนวันที่ 28 ธ.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เห็นว่า นายวิทยาเป็นนักการเมืองที่ดีคนหนึ่งเป็นคนที่สุจริต ไม่มีข้อสังสัยเคลือบแคลงอะไรเลยเกี่ยวกับการทำงานนายวิทยา และตนรู้สึกชื่นชมที่นายวิทยาช่วยลดช่องว่างการจัดสรรงบประมาณ ในช่วงที่เข้ามาดูแลรับผิดชอบกระทรวงสาธารณสุข มีโรงพยาบาลหลายจังหวัดที่ถูกทอดทิ้งในช่วงพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่เลือกเฉพาะพรรคไทยรักไทย โรงพยาบาลเหล่านี้ถูกทอดทิ้งไปงบประมาณแต่ละปี เกือบไม่ได้ หรือได้น้อยมาก

ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แต่นายวิทยาเข้ามาช่วยเกลี่ยงบประมาณโดยกระจายไปไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ว่าประชาชนจะเลือกใครมาเป็น ส.ส. คือไม่ไปกลั่นแกล้งประชาชน เพราะฉะนั้น การจัดสรรงบประมาณเพียงแค่ 1 ปี ตัวเลขที่ออกมา สามารถเกลี่ยไปยังจังหวัดที่สูญเสียโอกาสเหล่านั้นได้มาก ดังนั้น ก็ถือโอกาสชื่นชมนายวิทยา

นายชวน กล่าวว่า ส่วนเรื่องการสอบสวนนั้น เมื่อคืนตนได้ฟังนายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน เลขานุการคณะกรรมการ ซึ่งระบุว่า นายวิทย เป็นรัฐมนตรีน้ำดีคนหนึ่งไม่มีประเด็นในเรื่องการทุจริตเลย แต่ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น

เมื่อถามว่า ผลที่ออกมาอย่างนี้จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ถือว่า เป็นเรื่องปกติของรัฐบาล ที่ต้องเจอปัญหาอย่างนี้ แต่อย่างน้อยต้องให้ความเป็นธรรมกับคนที่ทำงาน เพราะรัฐมนตรี หรือใครก็ตาม ที่ทำด้วยความตั้งใจ ซื่อตรงและสุจริตแต่ต้องรับผิดชอบเพราะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในกระทรวงซึ่งถือว่า เป็นคนรับผิดชอบ ที่นายวิทยาแสดงน้ำใจออกมา แต่ก็ต้องให้ชัดเจนด้วยว่าใครหาผลประโยชน์ ใครไม่หาผลประโยชน์ ไม่เช่นนั้น จะไม่เป็นธรรมกับคนที่ถูกกล่าวหา

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อการดำรงตำแหน่งของนายวิทยาในอนาคตหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ถ้านายวิทยา เป็นคนขี้โกง เป็นคนทุจริต ก็กระทบแน่นอน แต่โดยส่วนตัวของตนและที่ตนได้ติดตาม เรื่องนี้มาตลอด เห็นว่านายวิทยา เป็นนักการเมืองที่พยายามให้มีการตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่มีปัญหานายวิทยาก็แสดงความรับผิดชอบให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในแต่ละเรื่อง เพราะฉะนั้น ตนคิดว่า พฤติกรรมอย่างนี้เป็นตัวอย่างที่ดีประชาชนในเขตเลือกตั้งของนายวิทยา และประชาชนทั่วไป ที่เข้าใจข้อเท็จจริงก็คงไม่เสื่อมคลายความเชื่อถือ

ผู้สื่อข่าวซักต่อว่า เกรงว่าฝ่ายค้านจะหยิบยก เรื่องนี้ขึ้นมาขยายผลอย่างต่อเนื่องเหมือนกรณี สปก.4-01 หรือไม่

นายชวน กล่าวว่า ถือเป็นบทบาทของแต่ละฝ่าย ซึ่งฝ่ายค้านก็มีสิทธิที่จะพูด แต่ต้องภายใต้เงื่อนไขข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าผลสรุปของคณะกรรมการไม่ได้สรุปว่า นายวิทยา ทุจริตด้วยตัวเอง แต่ระบุว่า เป็นผู้ที่เปิดช่องให้มีการแสวงหาผลประโยชน์ นายชวน กล่าวว่า นี่คือสิ่งที่ตนคิดว่า ตัวหนังสือ กับคำพูดไม่ตรงกัน เป็นเรื่องที่ต้องสอบกันต่อไป ว่า ถ้าจริงอย่างที่มีการตั้งข้อกล่าวหานายวิทยา ก็ต้องรับผิดชอบมากขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้าไม่จริง คนเขียนที่เขียนรายงานผลการสอบสวนก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเมื่อคืนตนฟังนายแพทย์วิชัย พูดไม่ตรงกับที่เขียนออกมาเป็นตัวหนังสือ ซึ่งตนก็ได้พูดคุยกับนายวิทยา เหมือนกัน ว่าทำไมไม่ตรงกัน

ต่อข้อถามว่าจะพิสูจน์อย่างไร เพราะเมื่อผลสรุปออกไปแล้ว และนายวิทยาก็ต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองไปแล้ว นายชวน กล่าวว่า ไม่เป็นไร เพราะเรื่องยังไม่จบ นายวิทยา แสดงความรับผิดชอบในฐานะนักการเมืองอย่างเต็มที่ ตามแนวทางของนายกรัฐมนตรีด้วยการลาออกไป แต่ความเป็นนักการเมืองของนายวิทยายังอยู่ ดังนั้น ก็ควรจะสอบให้ถึงถ้อยคำในตัวหนังสือ ถ้ากล่าวหาก็ต้องสอบให้ได้ว่า เปิดช่องอย่างไร

ผู้สื่อข่าวซักว่า หมายความว่าคณะกรรมการชุดนี้ยังควรทำหน้าที่ต่อใช่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เป็นกรรมการชุดอื่นก็ได้ โดยควรจะสอบให้ออกมาชัดเจนว่า เปิดช่องอย่างไร

ผู้สื่อข่าวซักอีกว่า แสดงว่า ผลสรุปยังไม่มีความชัดเจนมากพอที่จะใช้ถ้อยคำในลักษณะว่าเปิดช่องให้มีการแสดงหาผลประโยชน์ใช่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ต้องไปถามคนที่เขียน ว่าเปิดช่องตรงไหน เพราะเมื่อเขาเขียนอะไรลงไป ก็คงจะรับผิดชอบอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวแย้งว่า แต่เรื่องนี้กลายเป็นตราปราบในชีวิตทางการเมืองของนายวิทยา ใช่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่เป็นไรนักการเมืองก็ต้องแสดงบทบาทหน้าที่ ถ้าเขาสุจริต ความสุจริตก็จะคุ้มครอง เพราะถ้าไม่สุจริต ก็ต้องดำเนินคดีต่อไป ไม่จบเพียงแค่นี้ ถ้านายวิทยาทุจริต ก็ต้องดำเนินคดีอาญาต่อไป

ต่อข้อถามว่าเรื่องนี้ ทำให้ต้องปรับครม. จะเกิดแรงกระเพื่อมในพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลของไปสอบถามนายกฯ แต่ตามปกติแล้วการปรับครม. ในกรณีที่จำเป็นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนจะเป็นเรื่องโควต้าภาคหรือไม่ ตนไม่ทราบ ต้องไปถามนายกฯ

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่านอกจากนายวิทยาที่เข้าไปเกี่ยวข้องแล้ว ยังมีนักการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกระบุว่า มีส่วนเกี่ยวข้องอีกด้วย นายชวน กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่มีโอกาสได้อ่านรายละเอียดผลการสอบสวนของคณะกรรมการชุดดังกล่าว ตนอ่านฉบับย่อ ที่ มีข้อความพาดพิงถึงตัวรัฐมนตรี

นายชวน ได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่องมาตรฐานของนายกฯ โดยบอกว่า ไม่ทราบ ต้องไปถามนายกฯ

ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวชื่นชมในการแสดงสปิริตของนายวิทยาเช่นกัน

"ชทพ."จวกรัฐสอบตกสมานฉันท์แก้ไขศก.ยังไม่ชัด

นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงบทบาทการทำหน้าที่ของรัฐบาลในรอบ 1 ปี ยอมรับว่ายังไม่ถือประสบความสำเร็จตามเป้า หากแยกในตัวเลขอาจมีแนวโน้มเห็นว่าการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจได้ดี แต่ในทางปฎิบัติยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างชัดเจนมากนักขณะที่ด้านสังคมเองตนเห็นความตั้งใจของรัฐบาลซึ่งมีความพยายามสูงที่จะทำให้เกิดการสมานฉันท์ในชาติแต่ในทางปฏิบัติสังคมยังไม่อาจรับรู้ได้ว่ารัฐบาลต้องการสร้างความสมานฉันท์จริงหรือไม่ เพราะตนยังเห็นว่าความสมานฉันท์ยังไม่เกิดขึ้น อีกทั้งยังเห็นว่ามีการปฏิบัติ 2 มาตรฐานไม่สามรรถสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวได้

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook