สิ้น "พระอาจารย์สรร-พระมหาเช้า" วัดดังฉะเชิงเทรา รถคว่ำมรณภาพที่โคราช

ลูกศิษย์อาลัย "พระอาจารย์สรร - พระมหาเช้า" วัดดังฉะเชิงเทรา รถคว่ำมรณภาพที่โคราช

(29 มีนาคม 2566) เวลา 17.35 น. เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฮุก 31 จุดไทยสามัคคี ได้รับแจ้งรถยนต์เกิดอุบัติเหตุตกถนนสาย 304 มีผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ภายในรถหลายราย จึงได้นำทีมกู้ภัย พร้อมอุปกรณ์ตัดถ่าง รุดไปที่เกิดเหตุถนน 304 บริเวณหลัก กม.ที่ 72 ฝั่งขาเข้าตัวเมืองนครราชสีมา ตรงข้ามวัดกลางวังน้ำเขียว ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

พบรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ เลขทะเบียน กจ 664 ฉะเชิงเทรา ชนเข้ากับเสาไฟฟ้าส่องสว่างจนหักโค่น ตกอยู่บริเวณเกาะกลางถนน รถอยู่ในสภาพหงายล้อชี้ฟ้า ด้านหน้าพังยับจากการอัดก๊อปปี้กับเสาไฟ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตติดอยู่ภายในรถหลายราย เจ้าหน้าที่จึงได้นำเครื่องมือตัดถ่าง ทำการตัดตัวถังรถอยู่นานกว่า 15 นาที จึงสามารถนำผู้ติดอยู่ในรถออกมาได้

โดยพบว่ามีอยู่ทั้งหมด 3 ราย ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นพระสงฆ์ ได้แก่ พระใบฎีกาเชษฐ์ จารุธัมโม หรือ พระอาจารย์เช้า อายุ 52 ปี รองเจ้าอาวาสวัดอุสภาราม (บางวัว) อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา และพระครูสุตภาวนาพิธาร หรือ พระมหาสรร อายุ 54 ปี รองเจ้าคณะอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา

ส่วนอีกรายได้รับบาดเจ็บสาหัส คือ นายภัทรพล อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่รถพยาบาลฉุกเฉิน จึงได้นำผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่งไปรักษา และผู้เสียชีวิตส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลวังน้ำเขียว โดยผู้ได้รับบาดเจ็บยังไม่สามารถให้การเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขณะนี้

ทั้งนี้เบื้องต้นทราบว่านายภัทรพล ได้ขับรถนำพระสงฆ์ทั้ง 2 รูป เดินทางมาจาก จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อไปภารกิจของคณะสงฆ์ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ในระหว่างทางก่อนถึงจุดเกิดเหตุ ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางลงจากเขา และเป็นทางโค้งเกือบจะหักศอก คาดว่าคนขับรถจะไม่ชินทางและขับรถเร็วเกินกว่าที่ป้ายแจ้งเตือนไว้ข้างทาง (ห้ามขับรถเร็วเกิน 60 กม./ชม) ทำให้เกิดถนนลื่นจนไม่สามารถควบคุมรถไว้ได้ และรถพุ่งลงเกาะกลางถนนชนอัดก๊อปปี้กับเสาไฟฟ้าข้างทางจนหักโค่น ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว ถึงอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังน้ำเขียว จะได้ทำการรวบรวมข้อมูลหลักฐานในที่เกิดเหตุ และสอบสวนคนขับรถเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป