“คิมเบอร์ลี่” ปลื้มได้ใส่ชุดแต่งงานในฝัน “หมาก” รับบทป๋าเปย์-ประทับใจร่วมงาน “มาริโอ้” เข้าขาสุดๆ
กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งแรก สำหรับนางเอกสาว คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส กับพระเอกคารมดี มาริโอ้ เมาเร่อ ในละครเรื่อง หมอหลวง กำลังออกอากาศทางช่อง 3HD เป็นละครพีเรียดครบรส แถมคู่พระนางต้องโชว์ทักษะเพื่อแลกเปลี่ยนวิชาความรู้ระหว่างแพทย์แผนโบราณกับแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งเรื่องนี้ทั้งคู่ถึงกับเอ่ยปากต้องทำการบ้านเยอะมากๆ
เมื่อ sanook.com มีโอกาสเจอ คิมเบอร์ลี่ จึงพูดคุยถึงเบื้องหลังและความสนุกในละคร หมอหลวง ที่แฟนๆ ไม่ควรพลาดชม พร้อมทั้งแอบกระซิบถามเรื่องการจัดเตรียมงานแต่ง ใกล้จะได้ฤกษ์ควงว่าที่เจ้าบ่าว หมาก ปริญ เข้าพิธีวิวาห์สุดโรแมนติกที่ต่างประเทศแล้ว เริ่มมีความคืบหน้าไปถึงไหนไปฟังสาวคิมกันเลย
หมอหลวง ไม่ใช่ภาคต่อจาก ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง แต่เป็นเรื่องเกี่ยวหมอเหมือนกัน ?
“จริงๆ การแพทย์แผนไทย คือไม่ได้แพ้ชาติใดเลยนะคะ แต่ว่าในเรื่องนี้จะหยิบมาแล้วก็เป็นความรู้ใหม่ๆ ด้วย ให้กับคนดูด้วยนะคะ ขนาดเราเล่นเรายังแบบ เฮ้ย มีอย่างนี้ด้วยเหรอ ว้าว รักษาอย่างนี้เหรอ แล้วก็ในยุค ร.3 เขามีขนาดนี้แล้วเหรอ ส่วนตัวของพี่โอ้เนี่ยก็จะว้าวกับการรักษาปัจจุบันของเรา”
รับบทเป็นหมอเหมือนกัน ต้องทำการบ้านอย่างไรบ้าง ?
“ของคิมไม่ได้เยอะมากค่ะ แต่ก็จะมีเรื่องอาการทุกอย่างที่เป็นภาษาอังกฤษ เพราะเราเป็นหมอยุคปัจจุบัน ก็จะมีเรื่องอวัยวะ ภาษาที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อน อันนี้ก็จะต้องท่องแล้วก็จะต้องมาเล่าให้เขาฟัง ต้องมาแลกเปลี่ยนความรู้กัน แต่ของพี่โอ้จะมีเรียนเยอะอยู่
ในชีวิตจริงเราสามารถนำความรู้แพทย์แผนไทยไปทำเองได้ไหม ?
“ได้ๆ จริงๆ ค่ะ คือทุกอย่างที่ทำก็คือเป็นสูตรของจริงหมดเลย เป็นประวัติศาสตร์จริงด้วยค่ะ เรื่องนี้จะมีเรื่องเกี่ยวกับตัวยา และโรคต่างๆ ค่อนข้างเยอะกว่าเรื่องทองเอกด้วยซ้ำค่ะ”
พาร์ทของคิมด้วยความเป็นหมอยุคใหม่ ต้องศึกษาศัพท์เฉพาะต่างๆ ?
“ก็คือวาดเป็นคนเลยแล้วก็อวัยวะต่างๆ และความเชื่อมโยงของร่างกายมันมีอะไรบ้าง อันนี้คือทำการบ้านเองค่ะ พวกอุปกรณ์คิมไม่ค่อยได้ใช้เรื่องนี้ เพราะว่าเอาไปไม่ได้ ไปแต่ตัวค่ะ แต่ก็อย่างที่พี่โอ้บอกก็จะมีการแบบแลกเปลี่ยนความรู้ คือตัว บัว เองก็เป็นนักเรียนที่ฉลาดมากเหมือนกันค่ะ แล้วก็หัวไวเหมือนกัน แล้วก็มีความรู้เยอะ แต่ว่าเป็นคนแบบไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง คือมีความผิดพลาดเพราะความไม่มั่นใจในตัวเอง มันก็เลยเป็นการสื่อสารที่สมบูรณ์ที่ทำให้เรามาเจอกัน ก็อยากจะให้ไปดูในเรื่องว่า เราเติมเต็มอะไรให้กันและกัน”
ของคิมยากไหม เพราะศัพท์เฉพาะค่อนข้างจะมีเยอะ ?
“ต้องฝึก ต้องทำการบ้าน แล้วก็ท่องบทให้จนคล่องเลยค่ะ แต่คิมรู้สึกว่ายากก็จริง แต่ว่าไม่ได้อยากเท่าศัพท์โบราณแบบที่พี่โอ้ท่อง คือคิมไม่สามารถท่องได้แบบนั้น เพราะเคยแล้วในเรื่องทองเอก แล้วสุดท้ายก็คือแก้ไขยับเลย
ในเรื่องนี้เป็นความรักแบบไหน ค่อยๆ รักกันหรือว่าเอาชนะ ?
“เป็นความรักที่ค่อยๆ เติมให้กันและกัน เป็นความรักที่ไม่ได้หวังผลตอบแทนอะไรเลย มันค่อนข้างฟีลกู๊ดมากเลยนะคะเรื่องนี้ เพราะมันจะมีพื้นฐานของความเป็นเพื่อน เป็นเลิฟซีนที่มีความน่ารัก แค่อยากให้คนมีความสุข แค่อยู่ใกล้ๆ ก็แฮปปี้”
เป็นละครแนวคอมเมดี้ ใครคอมเมดี้มากกว่ากัน ?
“ไม่ได้ตลกขนาดทองเอกอะไรแบบนั้น แต่เรื่องนี้มันจะเต็มกว่าเพราะมีเรื่องราวเยอะมากๆ เลยค่ะ ที่สำคัญมีเกี่ยวกับหมอนี่แหละ ถามว่ามีอิมโพรไวส์บทกันบ้างไหม มันไม่ได้เรียกว่าอิมโพรไวส์เพราะว่าบทมันไม่ได้เป๊ะอยู่แล้ว (หัวเราะ) คือมันเข้าปากเรา พี่ชุจะบอกตลอดเลยว่าถ้าติดตรงไหน เอาที่เข้าปากเราไม่ต้องบทเป๊ะอะไรแบบนี้ เราก็เลยไม่จำเป็นต้องอิมโพรไวส์แล้ว เพราะเราก็พูดไปเรื่อยอยู่แล้ว(หัวเราะ)”
เคยร่วมงานกันมาก่อนเข้าขารู้ใจกันอยู่แล้ว ?
“ช่วยเยอะเลยค่ะ ไม่ใช่แค่สนิทกับพี่โอนะ แต่คือทั้งกองสนิทกันหมดเลย กับทีมงานเหมือนมาอยู่กับพี่น้อง เหมือนอยู่บ้าน เหมือนไม่ได้มาทำงาน จนไม่อยากให้ปิดกล้องเลย ตอนนั้นเศร้ามาก ไม่ให้คิวด้วย วันสุดท้ายคือ ไม่ ไม่อยากให้คิว คิวสุดท้ายบอกพี่ต้นไม่ต้องให้คิว ไม่อยากปิดกอง”
ญาญ่าเล่นละครกับมาริโอ้ เขาชื่นชมว่ามาริโอ้หล่อมาก สำหรับเราคิดเหมือนกันไหม ?
“พี่โอ้เขานัมเบอร์วันอยู่แล้ว(หัวเราะ) เอาเงินมาด้วย จริงๆ เขาจ้างทุกคนเลยให้พูด(หัวเราะ) ไม่มีมุมไหนที่พี่โอ้ไม่หล่อเลย อันนี้พูดจริงๆ เพราะว่าพี่โอ้หน้าเล็กไง”
ร่วมงานกันมานานประทับใจอะไรในตัวมาริโอ้บ้าง ?
“ประทับใจในการทำงานด้วย เพราะว่าไม่เคยได้ยินพี่โอ้บ่นเลยสักครั้งเดียว ถึงแม้เขาจะเหงื่อออกขนาดไหน ร้อนขนาดไหน พี่ชุเดินมาถามโอ้ร้อนไหมลูก พี่ก็จะบอกไม่เลยครับพี่ชุ แต่ก็ปาดเหงื่อไปด้วยนะ เราก็จะบอกสุดยอด การแสดงเยี่ยม(หัวเราะ) คือเราขี้บ่นไง จะพูดไปเรื่อย โอ้ยร้อน หิว แต่พอเห็นพี่โอ้ เราก็เลยรู้สึกว่าต้องทำแบบพี่โอ้บ้าง(หัวเราะ)”
ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับงานแต่งงาน ?
“ก็ใกล้เข้ามาแล้วค่ะ ก็คืองานที่เมืองนอกก็อีกประมาณ 6 เดือน รู้สึกว่าชุดก็ยังไม่เสร็จ ดีไซน์ของงานก็ยังไม่เสร็จ ธีมก็ยังไม่ได้เลือก การ์ดก็ยังไม่เสร็จ เนี่ยถึงได้แบบ พอคิดๆ แล้วมันก็ปรี๊ด ตั๋วก็ยังไม่ได้จอง มันค่อนข้างที่จะหนักเลยค่ะ แต่คิมมีเวดดิ้งแพลนเนอร์ที่โน่น แล้วด้วยความที่เขาเป็นเวดดิ้งแพลนเนอร์ เขาก็คงรู้ไทม์ไลน์มากกว่าเรา”
จัดงานที่ประเทศไหน ?
“ขออีก 2 เดือน เดี๋ยวคิมบอก แต่เป็นโซนยุโรปค่ะ ที่เลือกประเทศนี้ เพราะเรารู้สึกว่ามันเป็นประเทศที่สวย อากาศก็ดี แล้วเราแค่อยากมีโมเมนต์ที่อยู่กับครอบครัวจริงๆ แล้วก็เพื่อนที่สนิทจริงๆ ก็จะมีครอบครัวจากฝั่งอเมริกาแล้วฝั่งเยอรมันมาด้วยค่ะ”
เรามีภาวะเครียดกับงานแต่งยังไงบ้าง ?
“ไม่ถึง Bridezilla ค่ะ แต่ว่ามันจะมาเป็นช่วงๆ มันจะรู้สึกว่าไม่ทัน เพราะว่าเราอยู่ในวงการนี้ เวลามันผ่านไปเร็วมาก ละครเรื่องหนึ่งก็ปีหนึ่งแล้ว กว่าจะถ่ายเสร็จ เราเลยรู้สึกว่า 6 เดือนมันน้อยมาก ที่ผ่านมาคิมถ่ายละคร 2 เรื่องมาตลอด แล้วก็กำลังจะเปิดหนังด้วย แล้วก็มีถ่ายรายการ ทำงานเยอะมาก ปีหนึ่งที่ผ่านมา มันเลยไม่มีเวลาที่จะคิดอะไรเลยค่ะ”
ใช้เวลาช่วงไหนจัดเตรียมงานทบทวนอยู่กับตัวเอง ?
“ช่วงเช้าค่ะ(หัวเราะ) แล้วก็มีช่วงที่นอนไม่หลับด้วย ช่วงที่หาวิลล่า เพราะคิมเป็นคนจัดการทุกอย่างเองหมดเลย แล้วก็หาราคาที่มันโอเคด้วยค่ะ”
ชุดแต่งงานเตรียมไว้ทั้งหมดกี่ชุด ?
“ที่ต่างประเทศ 2 ชุดค่ะ ในไทยถ้ารวมอาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็ 3 ชุด งานในไทยจะเป็นเดือนพฤศจิกายนค่ะ มีเวลาอยู่ ในไทยอะเคลียร์ได้(หัวเราะ) ทุกคนยังพอช่วยเราเต็มที่ ก็ได้รับเกียรติจากพี่ก้อง ปิยะ มาทำให้ด้วยค่ะ”
เวลาเรากังวลหรือเครียด “หมาก” รับรู้ไหม ?
“รู้ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรใดๆ (หัวเราะ) ไม่สนใจเลย เอาจริงๆ เพิ่งมีปัญหาไปด้วยค่ะ คือเราบอกว่าช่วยเลือกหน่อยได้ไหม เราก็อยากให้มีส่วนร่วมเนอะ แต่เราก็รู้แหละ ว่าสุดท้ายแล้วเราก็ต้องเลือกเองอยู่ดี แต่เราก็อยากให้เขามีส่วนร่วมในการคิด ช่วยออกความคิดนิดนึง แต่เขาบอกว่าอยากให้คิมเลือกทุกอย่าง เพราะอยากให้คิมแฮปปี้ที่สุด”
มีคนเตือนไหมช่วงจัดงานแต่งมันจะต้องมีระเบิดลง ?
“มีค่ะ ซึ่งก็จริงนะ แต่ก็หวังว่าจะไม่มีอะไรแล้ว(หัวเราะ) เราเหนื่อย แต่เราก็เข้าใจแหละ เพราะทุกอย่างที่เราพิมพ์ มันเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย มันเป็นการดีลแบบ เราเองก็ไม่มีความรู้ตรงนี้เหมือนกัน เราศึกษาจากกูเกิล แต่ที่น้อยใจคือแบบให้ช่วยเราหานิดนึง สมมติเขาส่งเรฟมา แล้วเขาก็อยู่ในกรุ๊ป นางก็จะเงียบ เราก็จะแบบทำไมไม่ตอบ ทำไมต้องให้เราเลือกคนเดียว(หัวเราะ) แต่ถ้าพูดถึงเรื่องบ้านนะ เขาตอบไวมาก เขาจะอินเรื่องบ้าน เขาก็จะช่วยเลือก เพราะเขามีส่วนร่วมเยอะในบ้าน”
ตอนนี้คือตื่นเต้นและเหนื่อยใช่ไหม ?
“นิดนึง แต่มันก็มีความสุขนะ มันเป็นอะไรที่เหนื่อยแต่แฮปปี้ค่ะ แต่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง แต่พวกคอร์สทำสวยเราก็เข้าเรื่อยๆ อยู่แล้ว เราก็เลยไม่ได้ว่าต้องทำอะไรพิเศษ เดี๋ยวไว้ใกล้ๆ ก่อน”
การจัดงานแต่งต่างประเทศมีความพิเศษอย่างไร ?
“ความพิเศษมันพิเศษอยู่แล้ว เพราะด้วยสถานที่ แล้วก็ชุด เป็นชุดที่มันคือความฝันของเรา แล้วมันก็สำเร็จแล้ว ก็อยากจะให้รอติดตามดู จริงๆ ญาญ่าเห็นเกือบทุกชุดแล้ว(หัวเราะ) แต่พี่หมากเราไม่ให้เห็น จะได้เห็นวันแต่งเลย”
เราดีไซน์ชุดเองเลยไหม ?
“ไม่ค่ะ ก็คือมีดีไซเนอร์ส่งมาให้เลือกหลายๆ แบบ เราก็ไม่คิดว่าตัวที่เราเลือกจะทำได้ เพราะด้วยความที่มันแพง เราก็เลยคิดว่าคงไม่ได้หรอก แต่ล่าสุดไปลองที่ปารีส ก็รู้สึกว่า เออ มันไม่ใช่อีเวนต์เนอะ มันไม่ใช่ละคร ถามว่ารู้สึกเสียดายหรือเปล่าที่ต้องจ่ายแพง ไม่ค่ะ มันคือแบรนด์ในฝัน มันสวยมากค่ะสำหรับเรา ไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไง แต่สำหรับเราใส่แล้วรู้สึกว่ าเราคือเจ้าสาว ส่วนเรื่องราคาเดี๋ยวไปถามตอนงานแล้วกัน (หัวเราะ)”
การไปจัดที่ต่างประเทศ งบต้องเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าไหม ?
“หลายเท่าไหม ก็มีการคอลแลปบ้างค่ะ เพราะเราก็มีฟอลโลเวอร์ในไอจี แต่ก็คงไม่ได้เท่าที่เราอยู่ที่นี่เนอะ แต่พี่หมากเขาก็ซัพพอร์ตเต็มที่ค่ะ ป๋าจ่ายอย่างเดียว ป๋าไม่เลือก จ่ายอย่างเดียว ถามว่าถึงขั้นไม่อั้นอยากได้อะไรได้หมดไหม เบรกค่ะ เพราะล่าสุดมีเต็นท์ ที่เขาบอกว่าถ้าเกิดมีฝนตก ก็ต้องสั่งไว้ก่อน แต่สั่งไว้ก่อนก็ต้องมีค่ามัดจำ แล้วถ้าสมมติฝนไม่ตก เราก็จะเสียค่ามัดจำไป ซึ่งมันแพงมาก พี่หมากก็เลยบอกว่าตกก็ตกไป ก็แต่ง ตกก็แต่ง(หัวเราะ) บอกวิธีได้นะจ๊ะ หยุดฝนทำยังไง เพราะไม่อยากจ่ายค่าเต็นท์”
เคลียร์งานทันไหม ?
“ตอนนี้ก็เบรกเรื่องละครไปแล้ว เพราะจบไปแล้ว 2 เรื่อง จะมีเรื่องหนังนี้แหละค่ะ ที่จะเปิดเดือนเมษายนนี้ แต่มันแค่ 10 คิวก็จบแล้วค่ะ เราก็จะพยายามอัดให้เสร็จ แล้วก็ปล่อยจอยแล้วค่ะ ถามว่ารับงานเพื่อหาเงินจัดงานแต่งหรือเปล่า ใช่ค่ะ(หัวเราะ) ไม่ใช่ๆ แต่ว่าเรารู้ว่าเราจะเบรกงาน เราก็ไม่อยากให้แฟนๆ ทิ้งช่วงไง เราก็เลยตุนๆ งานไว้ก่อนค่ะ พี่หมากเขาก็เคลียร์งานเหมือนกัน ตอนนี้ไม่ได้รับอะไรแล้ว ช่วงนี้ฟิตหุ่น”
ชีวิตช่วงนี้คิดแต่เรื่องงานแต่ง นอนหลับไหม ?
“ใช่ ทุกคนบอกว่าคิมต้องมีสติ ต้องใจเย็นๆ อย่าเอาทุกอย่างมารวมในหัว มีอยู่วันหนึ่งผู้จัดการแบบ มา อะไรที่มันอยู่ในหัว พูดมาให้หมดเดี๋ยวช่วย เราก็แบบ ตั๋ว ที่พัก คนนี้จะกลับวันนี้ คนนี้จะบินวันนี้ คนนี้จะนอนที่นี่ เราแบบโอ๊ย มันจดยังไงๆ คือเราได้แค่การแสดงอย่างเดียวไง(หัวเราะ) เรื่องการจัดการเราไม่ได้เลยสักอย่าง เราก็เลยให้ผู้จัดการจัดการ ทำไฟล์ PDF มา ซึ่งเราก็ทำไม่เป็นสักอย่าง มันยากมากค่ะ”
แล้ว “หมาก” มีหน้าที่อะไร ?
“ช่วยค่าใช้จ่าย โอนเงิน(หัวเราะ) โอนทีนึงใช้เวลา 2 ชั่วโมง เพราะโอนไปสกุลนั้นมันยาก”
อัลบั้มภาพ 30 ภาพ