แม่บุก สธ. ร้องขอความเป็นธรรม ลูกสาว 5 ขวบ ติดเชื้อในกระแสเลือดดับ เจออนุทินพอดี

แม่บุก สธ. ร้องขอความเป็นธรรม ลูกสาว 5 ขวบ ติดเชื้อในกระแสเลือดดับ เจออนุทินพอดี

แม่บุก สธ. ร้องขอความเป็นธรรม ลูกสาว 5 ขวบ ติดเชื้อในกระแสเลือดดับ เจออนุทินพอดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม่บุก สธ. ร้องเรียน ลูกสาว 5 ขวบติดเชื้อในกระแสเลือดดับ เจออนุทินพอดี รับเรื่องพร้อมรับปากตรวจสอบให้

(5 เม.ย.66) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศูนย์ร้องเรียนร้องทุกข์กระทรวงสาธารณสุข นางสุทธิดา อายุ 27 ปี ได้เดินทางมายื่นหนังสือเพื่อให้ตรวจสอบกระบวนการทำงาน การวินิจฉัยอาการของลูกสาว วัย 5 ขวบ ที่เสียชีวิต และให้โรงพยาบาลออกมาชี้แจงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ยื่นเรื่องไปทางโรงพยาบาลแต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า

นางสุทธิดา อายุ 27 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนเป็นแม่ของน้อง 5 ขวบ น้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดด้วยอาการไข้สูง ปู่กับย่าพาไปประมาณช่วงเที่ยงวันที่ 9 มีนาคม ไปถึงคุณหมอให้เจาะเลือด เพื่อวินิจฉัยโรค พอเจาะเลือดเสร็จหมอท่านแรกบอกว่าให้รอ พอหมอคนที่ 2 เจาะเลือดอีกครั้ง และรออีก 1 ชั่วโมง พอมาเจอหมอคนที่ 3 วินิจฉัยว่าน่าจะติดเชื้อในกระเพาะอาหาร เสร็จแล้วบอกปู่กับย่าว่าจะฉีดยาแล้วกลับบ้านหรือจะนอนโรงพยาบาล ตนเลยบอกปู่กับย่าว่านอนโรงพยาบาลดีกว่า เนื่องจากน้องอาเจียนตลอดเวลา มีอาการอ่อนเพลีย ซึ่งน้องเป็นธาลัสซีเมีย ชนิดเบต้า ซึ่งให้เลือดและทานยาเด็กอยู่ในโรงพยาบาลจังหวัดทุกเดือน ระหว่างที่นอนอยู่โรงพยาบาลน้องอาเจียนตลอดและมีไข้ ตนเลยบอกกับปู่ย่าว่าวันที่ 10 จะกลับไปรับลูกพรุ่งนี้เช้าให้แจ้งหมอด้วย จะขอน้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัด

พอเช้าวันที่ 10 มีนาคมวันที่เกิดเหตุ สิ่งที่ได้กลับมาคือ คุณปู่ต้องเซ็นปฏิเสธการรักษา เนื่องจากน้องมีสิทธิ์เบิกตรงข้าราชการ ต้องเซ็นปฏิเสธ ตนก็ไม่เข้าใจ ปู่ย่าบอกว่าถ้าเซ็นอะไรไปหลานเป็นอะไรกลางทางก็จะลำบาก งั้นเชื่อใจคุณหมอให้อยู่ที่เดิมสักคืนสองคืน แล้วแต่คุณหมอพิจารณาแล้วมาแจ้งคุณแม่

พอคุณยายไปถึงช่วงสาย 10 โมงน้องปลุกไม่ตื่น ดูน้องมีอาการซึมๆ ตนเลยให้วิดีโอคอล และเรียกพยาบาลมาดู พอพยาบาลมาวัดความดันให้ บอกว่าปกติไม่เห็นเป็นอะไรเลย อาจจะเพลียจากที่อาเจียนเยอะ ขอให้คุณยายเปลี่ยนผ้าปูที่นอน เนื่องจากน้องฉี่ราด สักพักน้องก็กรี๊ดแล้วตาเหลือก ตนเลยบอกคุณยาย ว่าให้ปลุกน้องให้ตื่นและเรียกพยาบาล แต่ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น คุณหมอเลยรีบเข้ามาดูและส่งตัวไปที่ รพ.จังหวัด ตอนนั้นน้องไม่รู้สึกตัวแล้ว ในช่วงระหว่างส่งตัวใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง พอไปถึงหมอบอกให้ใส่เครื่องช่วยหายใจเนื่องจากน้องอาการไม่ดี ให้ตนคุยกับครอบครัว ว่าถ้าน้องมีอาการหัวใจหยุดเต้นจะให้ปั๊ม หัวใจหรือเปล่า หมอวินิจฉัยว่าน้องติดเชื้อในกระแสเลือด วันที่น้องเสียชีวิตวันที่ 11 มีนาคม ปั๊มหัวใจแล้วไม่ขึ้น ตนเลยตัดสินใจให้หยุดการรักษา แล้วพาร่างน้องกลับบ้าน

หลังจากนั้นวันที่ 12 ทางโรงพยาบาลเข้ามาพูดคุยกับตน ขอแสดงความเสียใจและนำร่างน้อง ไปเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อจะหาสาเหตุ แต่ว่ายังไม่ได้รับคำตอบ จนวันที่ 15 มีนาคม นัดคุยกับทางโรงพยาบาลอีกรอบ สิ่งที่ตนได้รับคำตอบกลับมาคือขอโทษ ทางโรงพยาบาลไม่ได้ทำ ซึ่งมันไม่ใช่คำตอบที่ตนอยากได้ยิน สิ่งที่เขาพูดถึงคือน้องเป็นสิทธิ์ราชการน้องใช้มาตรา 41 ไม่ได้ ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าตรงนี้มันคืออะไร จากนั้นตนก็ไม่ได้คุยกับเขาอีกเลย ทางโรงพยาบาลไม่ติดต่อกลับมาเลย ตนเลยลงโซเชียลเมื่อวาน

วันนี้เลยมาเดินทางไปที่กระทรวงสาธารณสุข อยากให้ ทางกระทรวงสาธารณสุข เรียกโรงพยาบาลมาชี้แจงถึงกระบวนการการรักษา ถ้าเขายอมรับในส่วนการรักษาตามจรรยาบรรณของแพทย์ ทางตนจะยอมรับตรงนี้ ตนอยากให้มีคนรับผิดชอบในการเสียชีวิตในครั้งนี้ แต่ตอนนี้ไม่มีคำตอบว่าเกิดจากอะไรตนรู้สึกเสียใจมาก

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตนเชื่อว่าทุกคนพยายามทำเต็มที่ หากว่ามีการละเว้นทางตนก็จะมีการตรวจสอบและดำเนินการต่อไป ส่วนในการละเว้นที่ปล่อยให้คนไข้เสียชีวิตนั้นตามที่ได้ข้อมูลมายังไม่มี แต่ตนก็ให้แพทย์ชี้แจงว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ว่าโรคนี้เกิดการติดเชื้อมาได้อย่างไร และโดยปกติการรักษาตามวิชาชีพวิชาการนั้นจะเป็นอย่างไร ในกรณีนี้ทางตนจะรับดูแลต่อไป และขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวผู้เสียชีวิต

ล่าสุด น.ส.ระพีพรรณ จันทร์อ้วน ผอ.รพ.เชียงคาน เปิดเผยว่า อาการเด็กที่มาตอนเริ่มแรก เด็กมีอาเจียน ทางทีมผู้รักษาได้ทำการรักษาไปตามอาการ จากนั้นเด็กมีอาการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทีมรักษาก็รักษาไปตามอาการที่เปลี่ยนแปลง มีการปรึกษาแพทย์เฉพาะที่ รพ.ประจำจังหวัด และได้มีการส่งต่อไปรักษาที่ รพ.ประจำจังหวัด ซึ่งเด็กเข้ามารักษาเมื่อวันที่ 9 มี.ค.66 หลังจากเด็กมีอาการเปลี่ยนแปลง ได้มีการตรวจเลือด เพาะเชื้อในกระแสเลือดซึ่งในระหว่างที่รอผลเลือด ได้มีการส่งต่อไปที่ รพ.เลย ก่อน เท่ากับเด็กรักษาที่ รพ.เชียงคาน 1 วัน ในระหว่างที่แอดมิตได้ตรวจเลือดผลออกมา ไม่ได้บ่งชี้ว่าติดเชื้อในกระแสเลือด ที่ รพ.เชียงคาน ยังไม่ได้มีการให้เลือดเด็ก ไปให้เลือดที่ รพ.เลย 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook