ด่ายับ Work from Home เชียงใหม่ ไม่นึกถึงคนหาเช้ากินค่ำ หน้ากากสักชิ้นยังไม่ได้
ด่ายับ มาตรการ Work from Home เชียงใหม่ ไม่คิดถึงคนหาเช้ากินค่ำ หน้ากากสักชิ้นยังไม่ได้รับแจก แถม สนง.อุตสาหกรรมผุดโครงการขายเครื่องฟอกอากาศราคาถูกแต่ไม่ถูกอีก
มาตรการแก้ไขปัญหาวิกฤตมลพิษอากาศของภาครัฐ ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตมลพิษทางอากาศจากหมอกควันไฟป่า และฝุ่นละออง PM2.5 ของเชียงใหม่ที่ถือว่าวิกฤตหนักที่สุดในประวัติการณ์แล้ว เพราะค่ามลพิษสูงขึ้นต่อเนื่อง ทะลุ 500 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หลายพื้นที่ กลายเป็นสีม่วงเข้มไปหมดในตอนนี้
ขณะเดียวกันประชาชนชาวเชียงใหม่ต่างวิพากษ์วิจารณ์ไม่เชิงลบ กับมาตรการการแก้ไขปัญหาของภาครัฐ โดยเฉพาะส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งระยะสั้น และระยะยาว ล่าสุดหลังจากที่ทางผู้ว่าออกประกาศ มาตรการ Work from Home ในวันที่ 7 เมษายน 66 แต่เผยแพร่ประกาศในเวลาเกือบเที่ยงคืน ไม่มีหน่วยงานไหนแม้แต่หน่วยงานราชการด้วยกันเองยังไม่สามารถเตรียมตัวได้ทัน ตลอดทั้งวันจึงยังเป็นหนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ หรือข้าราชการ ในเชียงใหม่ยังต้องฝ่าฝุ่นควันไปทำงานกันตามปกติ หลายคนก็มาทำงานทั้งๆ ที่ยังไม่ทราบว่ามีการประกาศมาตรการ Work from home ออกมา
ที่สำคัญเป็นการแก้ไขปัญหาปลายเหตุ เพราะอยู่ที่ไหนก็ยังต้องเจอวิกฤตหนักหมอกควัน และหากอยู่บ้านบางคนไม่มีเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องฟอกอากาศที่บ้านก็ยิ่งมีความเสี่ยงต่อการทำงานไปกันอีก บางโรงเรียนที่เปิดเรียนซัมเมอร์ ก็ยังให้นักเรียนไปเรียนกันตามปกติ ไม่มีคำสั่งจากทางจังหวัดให้หยุดเรียนหรือปรับเปลี่ยนไปเรียนออนไลน์ เพื่อดูแลสุขภาพของเด็กเลย ซึ่งที่ผ่านมาที่ดูเหมือนจะเข้าเป้ามากที่สุดคือการแจกหน้ากากอนามัยแบบที่กันฝุ่นพิษ แต่ปรากฏว่าเป็นการแจกผ่านทางตัวแทนของชุมชนทำให้การกระจายหน้ากากไม่ไปถึงพี่น้องประชาชนอย่างทั่วถึงจริงๆ หลายคนรอคอยหน้ากากอนามัยมาเป็นสัปดาห์ก็ไม่เห็นมีใครนำลงไปแจกชาวบ้านด้วย
นอกจากนี้แล้วหลายคนยังวิจารณ์เรื่องที่ทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกประกาศขายเครื่องฟอกอากาศคุณภาพมาตรฐาน ในราคาถูก ออกมาอีก ยิ่งทำให้ประชาชนที่รอคอยความช่วยเหลือ ยิ่งผู้ที่มีฐานะแบบหาเช้ากินค่ำยิ่งหมดหวังกับทางออก ซึ่งราคาเครื่องที่นำมาขาย ราคาถูกสุด 1,600 บาท และเครื่องใหญ่ 8,900 บาท ซึ่งหลายคนก็ยังมองว่าราคาน่าจะสูงพอๆ กับที่จำหน่ายในท้องตลาดทั่วไปด้วย ซึ่งยากต่อการเข้าถึงจริงๆ แถมยังตั้งคำถามว่าเป็นการเอื้อกับผู้ประกอบการจำหน่ายเครื่องฟอกอากาศหรือไม่ด้วย