"เศรษฐา" ไล่ "ประยุทธ์" กลับไปศึกษาใหม่ วิจารณ์เงินดิจิทัลจะทำประเทศล่มสลาย

"เศรษฐา" ไล่ "ประยุทธ์" กลับไปศึกษาใหม่ วิจารณ์เงินดิจิทัลจะทำประเทศล่มสลาย

"เศรษฐา" ไล่ "ประยุทธ์" กลับไปศึกษาใหม่ วิจารณ์เงินดิจิทัลจะทำประเทศล่มสลาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"เศรษฐา" ฟาด "ประยุทธ์" กลับไปศึกษานโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลใหม่ หลังวิจารณ์จะทำประเทศล่มสลาย ด้าน "ชัยเกษม" ซัดกลับเพื่อไทยต้องคิดใหญ่ เพราะรัฐบาลก่อหนี้มหาศาล ยินดีแจง กกต. ที่มาแหล่งเงิน

นายเศรษฐา ทวีสิน และนายชัยเกษม นิติสิริ 2 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแกนนำพรรคลงพื้นที่จังหวัดน่าน เพื่อเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงเป็นครั้งแรกหลังพรรคเพื่อไทย เปิดตัวแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีทั้ง 3 คน รวมถึงเปิดนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อ เป็นนโยบายหลักในการหาเสียง

โดยจุดแรกที่ลงพื้นที่ในวันนี้คือวัดพระธาตุแช่แห้ง เอาฤกษ์เอาใช้ด้วยการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดน่าน พร้อมทั้งพบปะพ่อค้าแม่ค้าที่บริเวณหน้าวัดได้มีการทักทายและถ่ายรูป จากนั้นได้ปล่อยขบวนคาราวานหาเสียง ที่จะเคลื่อนรถ ประชาสัมพันธ์ผู้สมัครและนโยบายไปยังพื้นที่ต่างๆ ในจังหวัดน่าน พร้อมทั้งจัดปราศรัยย่อย ที่บริเวณหน้าวัดภูมินทร์ ถนนคนเดิน

โดยนายเศรษฐา กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกมาเตือนว่านโยาบายเติมเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทยจะทำให้ประเทศพัง ว่าเป็นความเห็นของพล.อ.ประยุทธ์ แค่ 8 ปีที่ผ่านมาประเทศบอบช้ำเยอะ การหยอดน้ำข้าวต้มทีละ 500 หรือ 1,000 บาทไม่ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจดีขึ้น และย้ำว่าเงิน 10,000 บาทที่จะเติมในกระเป๋าดิจิทัลมีที่มาที่ไป และมั่นใจว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้ในรูปแบบของภาษี และการจัดการงบประมาณปีหน้า ซึ่งยังไม่ผ่านสภา หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมั่นใจจะสามารถจัดการงบประมาณเหล่านี้ได้

เมื่อถามย้ำว่านโยบายยังไม่เริ่มแต่พล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นห่วงถึงสถานการณ์ของประเทศ นายเศรษฐา กล่าวว่า เพื่อไทยคิดใหญ่ ทำเป็น และต้องทำให้ได้ ด้านนายชัยเกษม กล่าวเสริมว่าที่พล.อ.ประยุทธ์เป็นห่วงเพราะคิดถึงหนี้ที่ก่อไว้จำนวนมาก แต่พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าไม่มีปัญหา และหากรัฐบาลไม่สร้างนี้ไว้จำนวนมาก เพื่อไทยคงไม่ต้องคิดนโยบายให้ประเทศดีขึ้น

เมื่อถามอีกว่าพล.อ.ประยุทธ์ ยกตัวอย่างหลายประเทศที่ใช้สกุลเงินดิจิทัลแล้วทำให้ประเทศล่มสลาย นายเศรษฐา กล่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เข้าใจสิ่งที่พรรคเพื่อไทยกำลังทำ จึงแนะนำให้พลเอกประยุทธ์กลับไปอ่านและทำความเข้าใจนโยบายเพื่อไทยให้ดี ส่วนที่ กกต.ให้พรรคเพื่อไทยชี้แจงถึงแหล่งที่มาและวงเงินในนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล นายเศรษฐากล่าวว่าพรรคเพื่อไทยยินดีให้ความร่วมมือกับ กกต. ซึ่งขณะนี้คณะทำงานด้านเศรษฐกิจและกฎหมาย อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเอกสาร ซึ่งจะเป็นโอกาสดีที่จะได้ชี้แจงเป็นกิจจะลักษณะ

ขณะที่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่าเรื่องนี้ได้ดำเนินการตามมาตรา 57 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองปี 2560 แล้ว แต่ยังเหลือแค่รายละเอียดของแหล่งที่มาของเงินที่จะใช้ในนโยบาย พรรคเพื่อไทยก็ยินดีที่จะปฏิบัติตามกกต. ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนหนี้สาธารณะของประเทศที่รัฐบาลนี้ก่อไว้จะเป็นปัญหากับนโยบายนี้หรือไม่นายเศรษฐากล่าวว่าก็ไม่เชิง แต่เพื่อไทยแก้ไขได้ เพราะอาสาเข้ามาแก้ปัญหา จะบอกแบบนั้นก็ไม่เชิงเพราะมันเป็นปัญหา ยืนยันว่าเข้ามาฟื้น ไม่ใช่เข้ามาพัง

ขณะที่ นายชัยเกษม กล่าวเสริมว่า แน่นอน นโยบายของพรรคเพื่อไทยเข้ามาฟื้นเศรษฐกิจไม่ได้เข้ามาพังเศรษฐกิจ และทุกอย่างที่พรรคเพื่อไทยทำมีการคิดมาอย่างดีแล้วจึงจะทำ และไม่ได้ทำเฉพาะ การหาเสียงเท่านั้น แต่ทำเพื่อแก้ปัญหาที่รัฐบาลที่แล้วสร้างปัญหาไว้ให้กับประเทศ และมั่นใจว่ากรณีที่กกต.เชิญไปชี้แจงถึงการจัดทำนโยบายจะไม่เกิดปัญหาอะไร ซึ่งนายเศรษฐา กล่าวเสริมว่า เป็นการชี้แจง ไม่ได้แก้ไข ขณะเดียวกันนสยแพทย์ชลน่าน ยืนยันเช่นกันว่า กกต.ไม่มีอำนาจสั่งแก้ไข หรืออนุญาต อนุมัติในเรื่องของนโยบาย เพียงแต่ตามกฎหมายต้องแจ้งให้กกต.ทราบถึงเรื่องที่มาของรายได้ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการชี้แจงต่อกกต.

เมื่อถามว่าในช่วงเวลาระยะสั้นในการหาเสียงจะทำให้ประชาชนเข้าใจนโยบายหาเสียงหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า การสื่อสารของพรรคเพื่อไทยมีหลายช่องทาง และเมื่อวานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจได้แถลงไปแล้ว และหลังจากนี้ต้องได้พูดคุยกันต่อพร้อมกับเดินสายหาเสียงด้วยเวลากว่า 30 วัน เพราะเป็นของใหม่ เป็นของดี เป็นนโยบายหลักของเพื่อไทยที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสภาพที่ประชาชนเดือดร้อนมากว่า 8-9 ปี เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องชี้แจงกับประชาชน

ขณะเดียวกันนพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่าการหาเสียง 400 เขตทั่วประเทศจะขับเคลื่อนนโยบายกระเป๋าเงินดิจิททัลเป็นหลัก และต้องชี้แจงอธิบายกับประชาชน จึงมั่นใจว่า ในแต่ละเขตเลือกตั้งจะเข้าถึงประชาชน อย่างเช่น ในเขตเลือกตั้งของตนเองมีฐานประชากร 1.6 แสนคน พื้นที่ 40 ตำบล 340 หมู่บ้าน ได้อธิบายนโยบายนี้อย่างชัดแจ้ง นายเศรษฐา ยังกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเปิดนโยบายมาแล้ว 3-4 วันก็ยังเป็นที่กล่าวขานของพรรคอื่นและประชาชน ซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่เพื่อไทยจะชี้แจงกับประชาชน

นพ.ชลน่าน ยังกล่าวด้วยว่า เวทีปราศรัยใหญ่จังหวัดน่านครั้งนี้ถือเป็นเวทีแรกหลังการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คน และยังเป็นพื้นที่สำคัญของหัวหน้าพรรคที่ลงสมัครส.ส.เขต พร้อมกล่าวขอบคุณแคนดิเดตนายกฯทั้ง 3 คนที่มาร่วมปราศรัยเป็นเวทีแรกของแคนดิเดตนายกฯทั้ง 3 คน และในนามผู้สมัครส.ส.จังหวัดน่าน ได้กล่าวขอบคุณแคนดิเดตทั้ง 3 คน และมั่นใจว่า กระแสที่จะเกิดขึ้นจะทำให้ พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง 3 เขตทั้งจังหวัดได้แน่นอน และมั่นใจว่าไม่ทำให้เสียชื่อในฐานะเจ้าของพื้นที่ได้อย่างแน่นอน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook