อุบัติเหตุเด็ก 2 พี่น้อง กระเด็นออกหน้าต่างรถตู้โดยสาร พ่อแม่หมดปัญญาหาเงินรักษา

อุบัติเหตุเด็ก 2 พี่น้อง กระเด็นออกหน้าต่างรถตู้โดยสาร พ่อแม่หมดปัญญาหาเงินรักษา

อุบัติเหตุเด็ก 2 พี่น้อง กระเด็นออกหน้าต่างรถตู้โดยสาร พ่อแม่หมดปัญญาหาเงินรักษา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อุบัติเหตุเด็ก 2 พี่น้อง กระเด็นออกหน้าต่างรถตู้โดยสาร คนเล็กสาหัสหมอบอกกลับมาก็ไม่เหมือนเดิม กระบะคู่กรณีอิดออด ส่วนรถตู้ปิดปากเงียบค่าสินไหม

กรณีกล้องหน้ารถของพลเมืองดีจับภาพรถตู้สาธารณะโดนกระบะแซงซ้ายขึ้นมาชนท้าย เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565 เวลา 20:00 น. ทำให้เด็กทั้ง 2 คน กระเด็นออกจากตัวรถตู้โดยสารสาธารณะจนบาดเจ็บสาหัส ทางด้านคู่กรณี อิดออดไม่ยอมมาไกล่เกลี่ยหรือแสดงความรับผิดชอบตามข้อตกลงด้านรถตู้ พ.ร.บ.จ่ายมา 3 หมื่นไร้ค่าสินไหมทดแทนจากประกันรถสาธารณะ ทำพ่อแม่จนปัญญารักษาขอร้องสื่อนำเสนอเรื่องราวขอความเป็นธรรม

เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 66 เวลา 08.00 น. ผู้สื่อข่าว ได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.เพลินพิศ อายุ 38 ปี ว่า เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565 ตน และลูกชาย 3 คน รวมแม่อีก 1 คน เป็น 5 คน ได้นั่งรถตู้จากจังหวัดฉะเชิงเทรามาที่ จังหวัดระยอง เมื่อถึงบริเวณ อำเภอบ้านฉาง ทางคนขับรถได้มีการเปลี่ยนรถให้มาขึ้นอีกคัน ทะเบียน I5-7316 กรุงเทพมหานคร เลขข้างรถ  ม.2 (จ) 57-21

จากนั้นก็นั่งมาดีๆจนถึงแยกเนินสำลีเวลาประมาณ 20.00 น.  เมื่อรถขับลงเนินมา ก็โดนรถกระบะที่แซงซ้ายขึ้นมาชนท้ายรถตู้ที่นั่งอยู่ทำให้ลูกชายคนกลางและคนเล็กกระเด็นออกจากตัวรถ รถไปจอดตรงบริเวณวัดโขดหิน-เขาไผ่ เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด ตนจึงรีบวิ่งตามหาลูกทั้ง 2 และทางกู้ภัยได้ไปส่งที่ รพ กรุงเทพ-ระยอง และต่อมา ย้ายมารักษาตัวต่อ ที่ รพ.ระยอง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีพลเมืองดีมอบคลิปกล้องหน้ารถจับภาพ ไว้เป็นหลักฐานได้ 

น.ส.เพลินพิศ เล่าอีกว่า ลูกชายคนกลาง อายุ 10 มีอาการการตับฉีก เข้าทำการรักษาตัว ผ่าตัด จนดีขึ้นและออกจาก รพ.แล้ว ส่วนลูกคนเล็ก อายุ 8 ขวบ มีอาการ เลือดออกในสมอง สมองบวม ตาข้างขวาลืมไม่ได้  ได้ทำการผ่าตัดด่วนที่ รพ.แรก และย้ายมารักษาตัวต่อที่ รพ.ระยอง เนื่องจากตนเอง สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว น้องเข้ารักษาตัวมาจนถึงปัจจุบัน ก็ร่วม 4 เดือน อาการน้องไม่ดีขึ้น หายใจเองไม่ได้ แพทย์ต้องใช้ท่อช่วยหายใจ ร่างกายไม่ตอบสนองใดๆ คุณหมอแจ้งว่า อาการน้อง 50:50 หากน้องกลับมา น้องก็ไม่เหมือนเดิม ยังคงต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ อย่างใกล้ชิด 

ต่อมาทราบภายหลังจากพนักงานสอบสวน ว่า คู่กรณีที่เป็นรถกระบะ แคป ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว คันต้นเหตุไม่มีใบขับขี่  ไม่มี พ.ร.บ. และรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งตั้งแต่น้องเข้ารักษาตัวมา มีการมาเยี่ยมเพียง 1 ครั้งเท่านั้น และอิดออดการช่วยเหลือเยียวยา ให้มาไกล่เกลี่ยที่สถานีตำรวจภูธรมาบตาพุดก็ไม่มา ทางตนนั้นก็หาเช้ากินค่ำ รับจ้างเป็นรายวัน ไม่มีเงินที่จะมาใช้จ่าย มารักษาลูก 

น.ส.เพลินพิศ ยังเล่าอีกด้วยน้ำตาคลอเบ้า ว่า 3 เดือนกว่าแล้ว ที่พยายามติดต่อคู่กรณีให้มารับผิดชอบ แต่ก็ถูกปฏิเสธ จะมีก็คนกลางที่ช่วยไปพูดให้ก็ จะได้มาครั้งละ 4-5 พันบาท ซึ่งไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กที่เจ็บหนักทั้ง 2 คน ตนมืดแปดด้านแล้ว สอบถามทางตำรวจเรื่องทางคดีความก็ต้องรอใบรับรองแพทย์ จากลูกคนเล็ก แต่ทางหมอก็ยังไม่สามารถออกให้ได้ เพราะลูกคนเล็กยังรักษาตัวอยู่ 

แต่เหมือนมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเมื่อตนและสามี ได้เดินทางมาที่วัดโขดทิมธาราม อ.เมืองระยอง เพื่อขอพรองค์หลวงพ่อขาวให้อาการลูกของตนดีขึ้น และเรื่องคดีความขอให้เดินไปอย่างความเป็นธรรม จึงได้พบกับ ทนายพิรุณ สมบรม จาก สนง.บริษัท บาร์ริสเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลลอว์เฟริม จำกัด จึงเข้ามาช่วยเรื่องคดี ตนถึงทราบว่า ทางรถตู้โดยสารก็ต้องเข้ามารับผิดชอบ มาเยียวยาเราด้วย เนื่องจากมีความคุ้มครองของการใช้รถสาธารณะ 

ตนและสามีก็แปลกใจ ทำไมทางฝั่งรถตู้ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องประกันความคุ้มครองของคนใช้รถสาธารณะเลย บอกแต่เพียงว่า ทาง พ.ร.บ. จ่ายให้มา 8 หมื่น จ่ายจริงแค่ 3 หมื่น อีก 5 หมื่น ต้องสำรองจ่ายและเอาไปเบิกเอง ซึ่งตนเองก็ไม่ได้มีเงินขนาดนั้น จึงได้แค่ 3 หมื่นที่จ่ายค่ารักษาลูกไป 

ทางด้าน นายอำพล อายุ 52 ปี พ่อของเด็ก เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองนั้นไม่ได้อยากได้เงินแต่อย่างใด อยากได้ความน่ารัก สดใส อยากได้ ชีวิตลูกกลับคืนมามากกว่า ซึ่งตอนนี้ ลูกชายคนเล็ก ก็เหมือนตายทั้งเป็น ซึ่งเราเป็นพ่อเป็นแม่ก็ใจแทบสลายแต่ในเมื่ออุบัติเหตุมันเกิดขึ้นแล้ว จากความประมาทหรือความคึกคะนองของคู่กรณีก็ควรจะต้องมารับผิดชอบ มาชดใช้ให้กลับลูกและตัวเราบ้าง ทุกอย่างมันเป็นค่าใช้จ่าย ตนเองและภรรยานั้นก็หาเช้ากินค่ำ ตอนนี้ภรรยาก็ไปทำงานไม่ได้ ต้องมาเฝ้าดูแลลูกคนเล็ก และ ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น จึงอยากให้เห็นใจทางครอบครัวเราด้วย

เบื้องต้นผู้เสียหายพร้อมทนายความ จะนำเรื่องราวดังกล่าวไปแจ้งยังสำนักงานยุติธรรมจังหวัดระยอง เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือในเรื่องคดีก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook