อดีต กกต. สมชัย รวมมาให้แล้ว นโยบายการใช้เงินของทุกพรรค ลั่น เพื่อไทย แค่เด็กๆ

อดีต กกต. สมชัย รวมมาให้แล้ว นโยบายการใช้เงินของทุกพรรค ลั่น เพื่อไทย แค่เด็กๆ

อดีต กกต. สมชัย รวมมาให้แล้ว นโยบายการใช้เงินของทุกพรรค ลั่น เพื่อไทย แค่เด็กๆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อดีต กกต. สมชัย รวมมาให้แล้ว นโยบายการใช้เงินของทุกพรรค ลั่น เติมเงินดิจิทัล 1 หมื่นของเพื่อไทย แค่เด็กๆ 

จากกรณีเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 66 นายเศรษฐา ทวีสิน ได้กล่าวบนเวทีปราศรัยใหญ่ ว่า ตนเองขอขอบคุณ พรรคเพื่อไทย รวมถึงรู้สึกเป็นเกียรติ ที่ทางพรรคไว้วางใจเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดต ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

โดยนายเศรษฐา ได้กล่าวถึงการผลักดันเรื่องความเท่าเทียมว่า รัฐมีหน้าที่ให้ความสำคัญ และผลักดันปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งเรื่องกฎหมายกระบวนการยุติธรรมและสิทธิเสรีภาพ ไม่ควรให้ประชาชนต้องมาต่อสู้ด้วยตัวเอง ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นตัวจุดประกายที่ทำให้ตัดสินใจจะเข้ามาแก้ไข

นายเศรษฐา ระบุด้วยว่า ถึงแม้ตนเองจะไม่ได้มีชีวิตอยู่จนเห็นภาพสุดท้ายว่าคนไทยเท่าเทียมกันทุกประการ แต่ตนจะทำทุกทางเพื่อให้ลูกหลานมีสังคมและชีวิตที่ดีกว่า

ทั้งนี้ ตนขอพูดถึงสิ่งที่ตนจะทำในฐานะผู้นำของประเทศไทยคนถัดไป ความตั้งใจข้อแรก จะยกระดับเศรษฐกิจประเทศไทยทั้งประเทศ โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ด้วยนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต และย้ำว่า ทั่วถึง เพราะที่ผ่านมาการกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างผลประโยชน์ให้กับคนไม่กี่กลุ่มในประเทศ ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำ ภายใต้นโยบายของพรรคเพื่อไทย จะอาศัยเทคโนโลยี Digital Wallet ด้วยการเติมเงินในกระเป๋าดิจิทัล 10,000 บาท ในมือถือทุกคน ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป โดยสามารถใช้ได้ในรัศมี 4 กิโลเมตร จากที่อยู่ตามบัตรประชาชน และต้องใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน

นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีให้พรรคเพื่อไทย (พท.) ชี้แจงที่มาของเงิน และวงเงินที่ต้องใช้ ในนโยบายหาเสียงแจกเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัลให้​คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป คนละ 10,000 บาท​ ว่า ตามกฎหมายกำหนดไว้ว่านโยบายที่จะต้องมีการใช้จ่ายเงิน จะต้องมี 3 เงื่อนไขคือ

1.วงเงินที่ต้องใช้ และที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ 2.ความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย 3.ผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบาย เพื่อเป็นข้อมูลให้ประชาชนพิจารณาตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคนั้นหรือไม่

ขณะนี้มี 6 พรรค ที่มีการแจ้งว่ามีนโยบายที่เกี่ยวกับเรื่องการใช้จ่ายเงินมายัง กกต. โดยจะให้สำนักงานแจ้งไปยังทุกพรรคที่รายงานมา ว่าจะต้องมีการชี้แจง 3 เงื่อนไขดังกล่าวมาให้ครบถ้วน ซึ่งนโยบายแบบนี้จะถือว่าไม่ใช่การสัญญาว่าจะให้ แต่ถ้าไม่มีข้อมูล 3 เงื่อนไขดังกล่าวอาจจะผิดเข้าข่ายหลอกลวงตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73(5) ก็ได้ อย่างไรก็ตาม กฎหมายไม่ได้บอกว่าถ้ารายงานไม่ครบแล้วจะมีความผิดเพียงแต่กำหนดว่าให้ กกต.แจ้งให้ดำเนินการให้ครบถ้วน และมีโทษเป็นการปรับจนกว่าจะดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วน

ล่าสุด นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย และอดีต กกต. กล่าวถึงนโยบายหาเสียงแจกเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทย ว่า นโยบายของหลายพรรคการเมืองไม่เฉพาะพรรคเพื่อไทย ส่วนใหญ่แล้วใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนมากๆ กว่าพรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำ โดยได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

รวมประชานิยม
ใครจ่ายมากกว่าใคร
ใครจะให้อะไรมากกว่านี้

ลุงป้อม 700 เติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาทต่อเดือน 14 ล้านคน ตกปีละ 116,600 ล้านบาท 4 ปี 466,400 ล้านบาท

เพื่อไทย เติมเงิน 10,000 บาท ใส่กระเป๋าเงินดิจิทัล ให้คนอายุ 16 ปีขึ้นไป 54 ล้านคน ให้ครั้งเดียว 540,000 ล้านบาท

ลุงตู่ 1,000 เติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1,000 บาทต่อเดือน 14 ล้านคน ตกปีละ 168,000 ล้านบาท 4 ปี 672,000 ล้านบาท

เสรีรวมไทย บำนาญประชาชน 65 ปีขึ้นไป เดือนละ 3,000 บาทต่อเดือน 8.3 ล้านคน ตกปีละ 298,800 ล้านบาท 4 ปี 1,195,200 ล้านบาท

ก้าวไกล ไทยสร้างไทย บำนาญประชาชน 60 ปีขึ้นไป เดือนละ 3,000 บาท 12 ล้านคน ตกปีละ 432,000 ล้านบาท 4 ปี 1,728,000 ล้านบาท

พลังประชารัฐ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 60 ปี 3,000 บาท 70 ปี 4,000 บาท 80 ปี 5,000 บาท 4 ปี คิดไม่ออกแล้วว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ แต่มากกว่า 2 ล้าน ล้านบาท หรือ นโยบายเดียว เท่ากับ 4 เท่าของนโยบาย 10,000 บาท เพื่อไทย

สรุป เพื่อไทย เด็ก ๆ ครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook