อดีต กกต. สมชัย รวมมาให้แล้ว นโยบายการใช้เงินของทุกพรรค ลั่น เพื่อไทย แค่เด็กๆ
อดีต กกต. สมชัย รวมมาให้แล้ว นโยบายการใช้เงินของทุกพรรค ลั่น เติมเงินดิจิทัล 1 หมื่นของเพื่อไทย แค่เด็กๆ
จากกรณีเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 66 นายเศรษฐา ทวีสิน ได้กล่าวบนเวทีปราศรัยใหญ่ ว่า ตนเองขอขอบคุณ พรรคเพื่อไทย รวมถึงรู้สึกเป็นเกียรติ ที่ทางพรรคไว้วางใจเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดต ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
โดยนายเศรษฐา ได้กล่าวถึงการผลักดันเรื่องความเท่าเทียมว่า รัฐมีหน้าที่ให้ความสำคัญ และผลักดันปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งเรื่องกฎหมายกระบวนการยุติธรรมและสิทธิเสรีภาพ ไม่ควรให้ประชาชนต้องมาต่อสู้ด้วยตัวเอง ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นตัวจุดประกายที่ทำให้ตัดสินใจจะเข้ามาแก้ไข
นายเศรษฐา ระบุด้วยว่า ถึงแม้ตนเองจะไม่ได้มีชีวิตอยู่จนเห็นภาพสุดท้ายว่าคนไทยเท่าเทียมกันทุกประการ แต่ตนจะทำทุกทางเพื่อให้ลูกหลานมีสังคมและชีวิตที่ดีกว่า
ทั้งนี้ ตนขอพูดถึงสิ่งที่ตนจะทำในฐานะผู้นำของประเทศไทยคนถัดไป ความตั้งใจข้อแรก จะยกระดับเศรษฐกิจประเทศไทยทั้งประเทศ โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ด้วยนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต และย้ำว่า ทั่วถึง เพราะที่ผ่านมาการกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างผลประโยชน์ให้กับคนไม่กี่กลุ่มในประเทศ ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำ ภายใต้นโยบายของพรรคเพื่อไทย จะอาศัยเทคโนโลยี Digital Wallet ด้วยการเติมเงินในกระเป๋าดิจิทัล 10,000 บาท ในมือถือทุกคน ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป โดยสามารถใช้ได้ในรัศมี 4 กิโลเมตร จากที่อยู่ตามบัตรประชาชน และต้องใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน
นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีให้พรรคเพื่อไทย (พท.) ชี้แจงที่มาของเงิน และวงเงินที่ต้องใช้ ในนโยบายหาเสียงแจกเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัลให้คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป คนละ 10,000 บาท ว่า ตามกฎหมายกำหนดไว้ว่านโยบายที่จะต้องมีการใช้จ่ายเงิน จะต้องมี 3 เงื่อนไขคือ
1.วงเงินที่ต้องใช้ และที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ 2.ความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย 3.ผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบาย เพื่อเป็นข้อมูลให้ประชาชนพิจารณาตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคนั้นหรือไม่
ขณะนี้มี 6 พรรค ที่มีการแจ้งว่ามีนโยบายที่เกี่ยวกับเรื่องการใช้จ่ายเงินมายัง กกต. โดยจะให้สำนักงานแจ้งไปยังทุกพรรคที่รายงานมา ว่าจะต้องมีการชี้แจง 3 เงื่อนไขดังกล่าวมาให้ครบถ้วน ซึ่งนโยบายแบบนี้จะถือว่าไม่ใช่การสัญญาว่าจะให้ แต่ถ้าไม่มีข้อมูล 3 เงื่อนไขดังกล่าวอาจจะผิดเข้าข่ายหลอกลวงตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73(5) ก็ได้ อย่างไรก็ตาม กฎหมายไม่ได้บอกว่าถ้ารายงานไม่ครบแล้วจะมีความผิดเพียงแต่กำหนดว่าให้ กกต.แจ้งให้ดำเนินการให้ครบถ้วน และมีโทษเป็นการปรับจนกว่าจะดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วน
ล่าสุด นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย และอดีต กกต. กล่าวถึงนโยบายหาเสียงแจกเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทย ว่า นโยบายของหลายพรรคการเมืองไม่เฉพาะพรรคเพื่อไทย ส่วนใหญ่แล้วใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนมากๆ กว่าพรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำ โดยได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
รวมประชานิยม
ใครจ่ายมากกว่าใคร
ใครจะให้อะไรมากกว่านี้
ลุงป้อม 700 เติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาทต่อเดือน 14 ล้านคน ตกปีละ 116,600 ล้านบาท 4 ปี 466,400 ล้านบาท
เพื่อไทย เติมเงิน 10,000 บาท ใส่กระเป๋าเงินดิจิทัล ให้คนอายุ 16 ปีขึ้นไป 54 ล้านคน ให้ครั้งเดียว 540,000 ล้านบาท
ลุงตู่ 1,000 เติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1,000 บาทต่อเดือน 14 ล้านคน ตกปีละ 168,000 ล้านบาท 4 ปี 672,000 ล้านบาท
เสรีรวมไทย บำนาญประชาชน 65 ปีขึ้นไป เดือนละ 3,000 บาทต่อเดือน 8.3 ล้านคน ตกปีละ 298,800 ล้านบาท 4 ปี 1,195,200 ล้านบาท
ก้าวไกล ไทยสร้างไทย บำนาญประชาชน 60 ปีขึ้นไป เดือนละ 3,000 บาท 12 ล้านคน ตกปีละ 432,000 ล้านบาท 4 ปี 1,728,000 ล้านบาท
พลังประชารัฐ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 60 ปี 3,000 บาท 70 ปี 4,000 บาท 80 ปี 5,000 บาท 4 ปี คิดไม่ออกแล้วว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ แต่มากกว่า 2 ล้าน ล้านบาท หรือ นโยบายเดียว เท่ากับ 4 เท่าของนโยบาย 10,000 บาท เพื่อไทย
สรุป เพื่อไทย เด็ก ๆ ครับ