สธ.ห่วงอุบัติเหตุสงกรานต์ ยอดตายสูงสุด 13 เม.ย.ทุกปี ย้ำเตือนอีกครั้ง "ขับไม่ดื่ม"

สธ.ห่วงอุบัติเหตุสงกรานต์ ยอดตายสูงสุด 13 เม.ย.ทุกปี ย้ำเตือนอีกครั้ง "ขับไม่ดื่ม"

สธ.ห่วงอุบัติเหตุสงกรานต์ ยอดตายสูงสุด 13 เม.ย.ทุกปี ย้ำเตือนอีกครั้ง "ขับไม่ดื่ม"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ได้ประชุมติดตามสถานการณ์และการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข ร่วมกับทุกกรม เขตสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป

ขณะเดียวกัน ได้กำชับการดำเนินการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในช่วง 7 วันเทศกาลสงกรานต์ ทั้งการเตรียมความพร้อมดูแลรักษาประชาชนในสถานพยาบาล ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ รณรงค์ ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ เน้นดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม เพื่อป้องกันและลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรให้ได้มากที่สุด รวมถึงให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คัดกรองผู้ขับขี่ที่ดื่มแล้วขับที่ด่านชุมชนอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในวันเฉลิมฉลอง 13-14 เม.ย. 66

“อุบัติเหตุทางถนนช่วงสงกรานต์ ส่วนใหญ่มักเกิดในถนนสายรอง โดยพบผู้เสียชีวิตจากการดื่มแล้วขับมากที่สุดในวันที่ 13 เม.ย. ของทุกปี ซึ่งด่านชุมชนเป็นจุดที่ช่วยสกัดกั้นผู้ที่ดื่มไม่ให้ออกไปขับขี่ได้มากกว่าครึ่ง โดยใช้แนวทางสังเกต และประเมินอาการมึนเมาสุราเบื้องต้น ที่ช่วยคัดกรองได้ 50-70%” นพ.ณรงค์ ระบุ

นอกจากนี้ ได้กำชับให้โรงพยาบาลทุกแห่ง ดูระบบรักษาความปลอดภัย ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ระบบสัญญาณแจ้งเหตุ ระบบดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน พร้อมทั้งให้ผู้บริหารอยู่ในพื้นที่เพื่อรองรับกรณีเกิดเหตุการณ์สำคัญ สร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน” นพ.ณรงค์ กล่าว

*ภาคเหนือ-อีสาน พบจุดความร้อน ค่าฝุ่นยังสูง คาดฝนช่วยบรรเทา

สำหรับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 พบว่า มีแนวโน้มลดลงในภาคกลาง กทม. ปริมณฑล และตะวันออก โดยคุณภาพอากาศอยู่ในระดับดีมากถึงปานกลาง แต่ต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 14-15 เมษายน 2566 ที่อาจมีสภาพอากาศปิด ส่วนภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ยังพบจุดความร้อน คุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) จนถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง)

ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าจะมีฝนตก 10-40% ระหว่างวันที่ 15-17 เม.ย. 66 ซึ่งจะช่วยบรรเทาสถานการณ์ลงได้

ส่วนสถานการณ์ในจังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่ ที่มีค่าฝุ่นสูงเกินมาตรฐาน หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ดำเนินการตามข้อสั่งการ และ 3 มาตรการ 10 กิจกรรมอย่างครบถ้วน ทั้งสื่อสารสร้างความรอบรู้ แจ้งเตือนระดับความเสี่ยงและแนวทางปฏิบัติ การเปิดศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขระดับจังหวัด และระดับอำเภอ สนับสนุนหน้ากากสำหรับกลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วย กลุ่มเปราะบาง และประชาชนทั่วไป

จากการติดตามการให้บริการด้านการแพทย์ พบว่า มีการจัดระบบปฏิบัติการเชิงรุก ด้วยทีม 3 หมอ อสม. เคาะประตูบ้าน เยี่ยมกลุ่มเสี่ยง และเปิดคลินิกมลพิษ โดยเชียงใหม่เปิดให้บริการที่ รพ.นครพิงค์ รพ.สันป่าตอง รพ.สันทราย และ รพ.แม่วาง ซึ่ง รพ.นครพิงค์ เปิดแบบออนไลน์ร่วมด้วย

ส่วนการทำห้องปลอดฝุ่น จังหวัดเชียงราย ได้จัดทำในสถานบริการสาธารณสุข ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รวม 580 ห้อง ขณะที่จังหวัดเชียงใหม่ จัดทำในโรงพยาบาล/ สถานบริการสาธารณสุข อาคารสำนักงาน สถานที่ราชการ หน่วยงานสังกัด อปท. และภาคเอกชน รวม 590 ห้อง และจะขยายไปสู่ภาคเอกชนให้มากขึ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook