สาวเซ็กซี่แจงแล้ว พิมพ์ตกหล่น ทำคนคิดว่าเมาแล้วขับ ยันเป่าแล้วแต่ไม่ถึงเกณฑ์

เจอทัวร์ลงยับ สาวโพสต์เมาแล้วขับกลับบ้าน แต่ผ่านด่านตรวจรอดฉลุย ล่าสุด เจ้าตัวออกมาชี้แจงแล้ว 

จากกรณีโลกออนไลน์มีการแชร์โพสต์ของหญิงสาวสวยเซ็กซี่รายหนึ่ง ที่โพสต์เล่าว่า ขับรถกลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์ หลังจากทำงานที่ผับแห่งหนึ่งเสร็จ และขอบคุณตำรวจที่ตั้งด่านแล้วไม่จับตนเอง "เมาเป่าจนปรอทจะแตก แต่พี่ก็ปล่อยผ่าน"

นอกจากนี้ เธอยังขอบคุณตัวเองที่ไม่ว่าจะเมาแค่ไหน แต่ก็ขับรถพาตัวเองกลับมาถึงบ้านโดยปลอดภัย ถึงแม้บางครั้งจะจำไม่ได้ว่ากลับถึงห้องมาได้อย่างไร

ล่าสุด หลังจากเจอทัวร์ลงอย่างหนัก เจ้าตัวก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความชี้แจงว่า "สวัสดีค่ะ หนูขอใช้พื้นที่ส่วนตัวตรงนี้ อธิบายเหตุการณ์ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ตอนนี้นะคะ

ต้องเริ่มจาก หนูต้องขอโทษที่สื่อสาร รูปและข้อความ ที่โพสต์ในเฟซบุ๊กของตัวเอง ที่พิมพ์แบบตกหล่นไปจนทำให้หลายๆ คนเข้าใจผิดกัน

อย่างแรกคือวันนั้นหนูมีงานจริงตามที่ได้ลงไว้ และกำลังเดินทางกลับ ได้มีการดื่มแอลกอฮอล์จริงค่ะ แต่ในปริมาณไม่มาก เพราะหนูต้องเดินทางกลับคอนโด ซึ่งอยู่ไกลพอสมควร จึงเซฟตัวเองอยู่แล้ว

พอมาเจอด่าน ตามที่โพสต์ ก็ได้มีการเป่าแอลกอฮอล์จริงค่ะ (แต่ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่เขาตั้งไว้ อันนี้หนูอาจจะโพสต์ตกหล่นไป) คุณตำรวจจึงได้ว่ากล่าวตักเตือนตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ว่าอย่าเมา เมาแล้วอย่าขับ แต่การที่เป่าแล้วไม่ขึ้น คุณตำรวจจึงได้ปล่อยผ่านไป

พอกลับจากทำงาน ถึงคอนโดก็มีการโพสต์ขอบคุณร้านที่ได้ไปทำงานตามปกติ แต่ด้วยการเรียบเรียงคำพูดของหนูผิด ก็โพสต์ขอบคุณคุณตำรวจด้วย ที่ได้ว่ากล่าวตักเตือนตอนที่เจอด่าน

แต่หนูไม่ได้พิมพ์ให้ชัดเจน ว่าเป่าแล้วไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนดค่ะ จึงกลายเป็นประเด็น ที่ทำให้หลายๆ คนเข้าใจผิด คิดว่าโดนเมาแล้วขับ โดนเป่าแล้วตำรวจไม่จับ ได้มีการเป่าจริงแต่ไม่ขึ้นตามเกณฑ์ค่ะ คำพูดบางคำพูดหนูโพสต์หยอกล้อ ไม่ได้นึกถึงผลกระทบที่จะตามมา

และต้องกราบขอโทษผู้ที่โดนผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องนี้ทุกๆ ฝ่าย ต่อไปนี้จะมีสติมากขึ้นค่ะ"

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เคสที่มีหญิงสาวโพสต์ว่าโดนตำรวจจับเป่าแอลกอฮอล์แต่ก็ใจดีปล่อยตัวไปโดยไม่ได้ดำเนินคดี เราก็จะเรียกผู้หญิงคนดังกล่าวมาตอบว่ามีเหตุการณ์อย่างที่โพสต์ลงในสื่อโซเชียลจริงหรือไม่

ถ้าข้อเท็จจริงออกมาว่าตำรวจมีการเรียกตรวจและไม่ได้ดำเนินคดีก็จะเป็นความผิดของตำรวจ แต่ถ้าไม่เป็นความจริงเพราะอาจจะเข้าข่าย พรบ.คอมพิวเตอร์ฯด้วยการโพสต์ข้อมูลอันเป็นเท็จลงสู่ระบบคอมพิวเตอร์