โอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 ไทยพบแล้ว 6 ราย สธ. คาดยอดโควิดพุ่งหลังสงกรานต์

โอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 ไทยพบแล้ว 6 ราย สธ. คาดยอดโควิดพุ่งหลังสงกรานต์

โอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 ไทยพบแล้ว 6 ราย สธ. คาดยอดโควิดพุ่งหลังสงกรานต์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 ที่ระบาดในอินเดีย ไทยพบแล้ว 6 ราย สธ.คาดหลังสงกรานต์ ยอดโควิดพุ่ง

เมื่อวันที่ 15 เมษายน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์โควิด-19 ในขณะนี้ว่า เป็นไปตามที่กรมควบคุมโรค (คร.) ได้มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้่ว่าช่วงสงกรานต์จะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการทำกิจกรรมร่วมกัน การเดินทาง จึงมีโอกาสสัมผัสผู้ติดเชื้อได้ และเท่าที่รับรายงานตามโรงพยาบาลก็มีเคสผู้ป่วยโควิด-19 เข้ามารักษาเพิ่มขึ้น แต่อาการไม่รุนแรง เมื่อซักประวัติส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนมาแล้ว และบางคนก็เคยติดเชื้อมาแล้ว ทำให้ยังมีภูมิคุ้มกันอาการจึงไม่หนัก

สัปดาห์หน้าตัวเลขติดโควิดเพิ่ม! เหตุคนร่วมกิจกรรมสงกรานต์จำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม สัปดาห์หน้าน่าจะเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวนมากขึ้นแน่นอน คาดว่าจะมากกว่าช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เพราะจากภาพข่าวผ่านสื่อต่างๆ  จะเห็นผู้คนออกมาสนุกสนานร่วมกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์ในแต่ละพื้นที่จำนวนมาก มีการใกล้ชิดผู้คนที่ไม่รู้จัก และขณะนี้ก็มีการผ่อนคลายมาตรการไม่ได้มีการตรวจเชื้อก่อนเข้าทำกิจกรรมในแต่ละพื้นที่  เป็นความเสี่ยงที่อาจจะเกิดการติดเชื้อได้ แต่มองในแง่บวกคนที่ออกมาเล่นสงกรานต์ส่วนใหญ่เป็นเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน น่าจะยังมีภูมิคุ้มกันที่ดี ข้อแนะนำหลังสงกรานต์ให้เฝ้าระวังสังเกตอาการตัวเองภายใน 7 วัน หลีกเลี่ยงสัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หากเริ่มมีอาการไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูก คั่นเนื้อคั่นตัว ให้ตรวจ ATK หากผลเป็นบวกก็ให้ปรึกษาแพทย์รักษาตามสิทธิ ไม่แนะนำตรวจ ATK ในขณะที่ยังไม่มีอาการ ทั้งนี้จำนวนผู้ติดเชื้อที่คาดจะเพิ่มขึ้นนั้นระบบการรักษาพยาบาลได้เตรียมพร้อมรองรับไว้แล้ว มียา เวชภัณฑ์ รวมถึงเตียงรองรับไว้เพียงพอ ไม่เกินศักยภาพของรพ.ที่จะรองรับได้แน่นอน     

นพ.โสภณ กล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการระบุถึงสายพันธุ์โควิดลูกผสม XBB.1.16 ที่ขณะนี้มีการแพร่มากขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะที่อินเดีย พบมีสมรรถนะการแพร่ที่สูงขึ้นกว่าสายพันธุ์อื่น ทั้งยังดื้อต่อภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติและภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีน ว่า สำหรับสายพันธุ์ XBB.1.16 ยังเป็นลูกหลานจากตระกูลโอมิครอน  ไม่เหมือนสายพันธุ์ในอดีตที่เป็นตัวต้นตระกูลที่กลายพันธุ์ทั้งอู่ฮั่น อัลฟา เบตา เดลตา ดังนั้น วัคซีนที่ฉีดยังป้องกันการป่วยหนักได้แน่นอน แม้จะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100 % ตังนั้นจึงได้รณรงค์เน้นย้ำให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง

สายพันธุ์ลูกผสม XBB.1.16 ในประเทศไทยติดเชื้อแล้ว 6 ราย และ XBB.1.16.1 อีก 1 ราย

ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์  หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า จากฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมโควิดโลก หรือ GISAID ล่าสุด มีการรายงานการระบาดของโอมิครอนสายพันธุ์ลูกผสม XBB.1.16 ในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อแล้ว 6 ราย และยังพบ XBB.1.16.1 ในไทยอีก 1 ราย เป็นสายพันธุ์ที่แตกแขนงจาก XBB.1.16 ที่เริ่มพบการแพร่ระบาดในอินเดียแล้ว ทั้งนี้ทั่วโลกรายงานผู้ติดเชื้อโควิดลูกผสม XBB.1.16 จำนวน 887 คน พบที่อินเดียมากที่สุด 539 คน  XBB.1.16 มีการกลายพันธุ์บริเวณหนามของไวรัสโควิด-19 เพิ่มเติม 3 ตำแหน่งคือ E180V K478R และ S486P ทำให้สามารถเกาะติดและติดเชื้อในเซลล์ของมนุษย์ได้ดีกว่าทุกสายพันธุ์ที่ระบาดทั่วโลก การกลายพันธ์ในตำแหน่ง K478R อาจทำให้สายพันธุ์นี้เอาชนะแอนติบอดีจากการติดเชื้อตามธรรมชาติ และจากการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น

ทั้งนี้ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาพบว่า XBB.1.16 มีความได้เปรียบในการเติบโตเหนือกว่า XBB.1.5 ถึง ร้อยละ 159 ขณะที่พบว่า อาการของโควิด  XBB.1.16 จะแตกต่างจากโควิดก่อนหน้านี้ โดยจะมีอาการ ไข้สูง ไอ และเยื่อบุตาอักเสบตาแดง ลักษณะคล้ายตาแดง มีผื่นคัน และส่วนใหญ่อาการนี้จะพบได้ในเด็กมากขึ้น  กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันจากประเทศอินเดีย สังเกตเห็นอาการจากการติดเชื้อ XBB.1.16 ที่แพร่ระบาดระลอกใหม่ในอินเดียในกลุ่มเด็กทารก พบมีอาการไข้สูง อาการหวัด และไอ จากนั้นพบอาการเด่นคือมีเยื่อบุตาอักเสบ มีอาการคันตา ขี้ตาเหนียว ทำให้ลืมเปลือกตาไม่ขึ้น แต่ไม่ได้เป็นหนอง  ซึ่งไม่เคยพบอาการลักษณะนี้ในโอมิครอนสายพันธุ์อื่น แม้จะมีผู้ติดเชื้อโอมิครอน XBB.1.16 เพิ่มขึ้น ถือเป็นสายพันธ์ุม้ามืดที่แพร่เร็ว แต่จำนวนผู้ที่ต้องเข้ารักษาตัวใน รพ. ยังไม่เพิ่มขึ้นตามจนเกินขีดความสามารถที่ระบบสาธารณสุขในแต่ละประเทศจะรองรับได้ จึงต้องติดตามเฝ้าระวัง เป็นการตระหนักแต่ไม่ตระหนก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook