พริตตี้เผยเข้าใจผิด คิดว่า "ไฟฉาย" คือเครื่องเป่า ต้นเหตุโพสต์เมาเป่าปรอทแตก

พริตตี้เผยเข้าใจผิด คิดว่า "ไฟฉาย" คือเครื่องเป่า ต้นเหตุโพสต์เมาเป่าปรอทแตก

พริตตี้เผยเข้าใจผิด คิดว่า "ไฟฉาย" คือเครื่องเป่า ต้นเหตุโพสต์เมาเป่าปรอทแตก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พริตตี้สาว ยอมรับ เข้าใจผิดคิดว่าไฟฉายคือเครื่องเป่าแอลกอฮอล์ ด้านตํารวจให้อภัยและขอให้เป็นกรณีตัวอย่าง

วันนี้ (16 เม.ย. 66) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตํารวจนครบาล พร้อมด้วยพล.ต.ต.สุวิชชา จินดาคำ ผู้บังคับการตํารวจจราจร ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงกรณีพริตตี้สาว โพสต์ข้อความผ่านโซเชียล ระบุถูกเจ้าหน้าที่ตํารวจจับเป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่กลับไม่ถูกจับดําเนินคดี ทั้งที่เป่าปรอทเกือบจะแตก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นคืนวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา

พล.ต.ต.จิรสันต์ เปิดเผยว่า การตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ตามด่านตรวจนั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 ขั้นตอน คือ 1.สังเกตอาการของผู้ขับขี่ 2.วัดโดยเครื่องทดสอบเบื้องต้น 3.เครื่องตรวจวัดเพื่อยืนยันผล ซึ่งหลังจากที่ด้านพริตตี้สาวโพสต์ลงโซเชียล ทางตํารวจได้ตรวจสอบดูกล้องวงจรปิดภายในด่านตรวจวันเกิดเหตุ พบว่าพริตตี้สาวเข้ามาที่ด่านจริง แต่เข้ามาแค่แปปเดียวแล้วขับออกไป โดยไม่มีการพูดคุยหรือขอร้องไม่ให้เอาผิดใดๆทั้งสิ้น ซึ่งคลิปวันเกิดเหตุนั้นบันทึกไว้เพียงประมาณ 5 วินาทีเท่านั้น จึงยืนยันได้ว่าไม่มีการเป่าแอลกอฮอล์อย่างแน่นอนเป็นเพียงการตรวจด้วยการสังเกตอาการและปล่อยออกไป

โดยพริตตี้สาว เปิดเผยว่า ปกติแล้วตนเองจะโพสต์ขอบคุณทางร้านและคนหางานรวมถึงดีเจหลังเสร็จงานทุกครั้ง ซึ่งคืนเกิดเหตุไปเจอด่านตรวจและทางเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยออกมาโดยที่ไม่ได้จับอะไร จึงโพสต์ขอบคุณ และยืนยันว่าตนเองไม่ได้เมา ส่วนที่โพสต์ว่ามีการเป่าจนปรอทเกือบแตกนั้น เป็นการเข้าใจผิด เพราะคิดว่าไฟฉายคือเครื่องเป่า เนื่องจากปกติแล้วเวลาเจอด่านตํารวจจะยื่นเครื่องวัดเข้ามา ซึ่งวันนั้นแสงไฟฉายแยงตาด้วยจึงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเครื่องเป่าและเป่าไปสุดแรงจริง ส่วนเหตุผลที่โพสต์ทํานองว่าตัวเองเมานั้น เป็นการโพสต์เพื่ออยากให้เอฟซีที่ติดตาม เข้ามาให้กําลังใจก็เท่านั้น พร้อมนํากระเช้ามาขอโทษเจ้าหน้าตํารวจและหลังจากนี้จะโพสต์ข้อความใดๆ จะคิดให้ถี่ถ้วนกว่านี้ ด้านเจ้าหน้าที่ตํารวจที่ด่านวันเกิดเหตุ เผยว่า จําพริตตี้สาวไม่ได้ เนื่องจากวันดังกล่าวมีรถเข้ามาที่ด่านเป็นจํานวนมาก แต่ได้ทําตามขั้นตอนอย่างเคร่งคัด อย่างไรก็ตามในส่วนความผิดนั้น

พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า พริตตี้สาวเข้าข่ายความผิดฐาน “นําข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์” แต่หลังจากสอบปากคําและพูดคุยกับทุกฝ่ายแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตํารวจ ไม่ติดใจเอาความเพราะเป็นคดีที่ยอมความได้ และวันเกิดเหตุเป็นช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ ตํารวจก็ทําตามหน้าที่เพื่ออํานวยความสะดวกให้กับประชาชน และขอฝากเตือนประชาชนด้วยว่าการจะโพสต์ข้อความหรือกระทําการใดๆ ขอให้คํานึงถึงผลที่จะตามมา และขอให้เคสนี้เป็นกรณีตัวอย่าง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook