เรื่องถึงมหาดไทย อดีต ผญบ. แฉ "นายอำเภอ" บุกปลุกเที่ยงคืน ขู่ให้หนุนพรรคดัง
ท่าศาลาการเมืองเดือด ผู้นำศาสนาอิสลาม-ชาวบ้านให้กำลังใจ อดีต ผญบ. ถูกนายอำเภอบุกปลุกเที่ยงคืน ขู่ให้เลือกข้างกลางดึก บี้มหาดไทย–กกต.เร่งแก้ไขปัญหา ขณะที่นายอำเภอแจงสู้ อ้างตามกวดขันยาเสพติด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีนี้ดูเหมือนว่ากำลังจะลุกลามสร้างความไม่พอใจให้กับผู้นำศาสนา ผู้นำท้องที่ ผู้นำชุมชน ในตำบลท่าศาลาอย่างมาก ช่วงเช้าที่ผ่านมา อิหม่าม คอเต็ป บิหล่าน และชาวบ้านจำนวนมาก ได้เดินทางมาให้กำลังใจ นายอะมาตย์ ไทรทอง อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ตำบลท่าศาลา อย่างต่อเนื่อง หลังจากทราบว่านายอำเภอรายหนึ่ง อ้างว่าเหตุที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มีการข่มขู่ แต่ได้ออกตรวจท้องที่และติดตามกลุ่มวัยรุ่นที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และยังโยงในรายงานด้วยว่ากลุ่มยาเสพติดมีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวของนายอะมาตย์ นอกจากนั้นยังพบว่ามีการระดมคนจากต่างตำบลจำนวนหนึ่งนำดอกไม้ไปมอบให้นายอำเภอท่าศาลา ในวันนี้เช่นเดียวกัน
หลังจากที่มีการรวมตัวกันโต๊ะอิหม่าม ได้มีการรวมตัวกันหลังจากนั้นได้เริ่มพิธีดุอาร์ขอพรให้กับนายอะมาตย์ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ หลังจากนั้นได้มีการกล่าวแสดงความมั่นใจในตัวของนายอะมาตย์ และระบุด้วยว่ามีผู้นำศาสนาอีกหลายชุมชนเคยมีประสบการณ์ถูกกระทำในทองนองเดียวกันกับนายอะมาตย์ แต่ไม่ได้มีการร้องเรียนหรือการแจ้งความ ก่อนที่ผู้นำศาสนาและชาวบ้านจะรวมตัวกันแสดงจุดยืนในการสนับสนุนนายอะมาตย์ ให้เคลื่อนไหวในเรื่องนี้ต่อไปเพื่อความเป็นธรรมต่อสู้กับการกระทำที่ไม่ชอบธรรม
ต่อมานายอะมาต พร้อมด้วยนายเราะหมาน ปริงทอง ส.อบต.ม.5 และชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งได้เดินทางต่อไปยัง กกต.นครศรีธรรมราช พร้อมทั้งนำเอกสารการร้องเรียนพฤติการณ์ของนายอำเภอดังกล่าวในฐานะดำรงตำแหน่งประธาน กกต.เขต 9 โดยเห็นว่าไม่อยู่ในฐานะที่มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่ง และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องที่ไม่เป็นกลาง ให้โยกย้ายออกจากพื้นที่ และให้มีการสอบสวนดำเนินการทางปกครอง โดยมีนายทัศชัย โสสนุ้ย หัวหน้ากลุ่มงานอำนวยการ สำนักงาน กกต.นครศรีธรรมราช เป็นผู้รับหนังสือ
หลังจากนั้นได้มีการนำเอกสารอีกชุดได้เข้าร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมอีกครั้ง พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้าในเรื่องนี้ ขณะที่ล่าสุดมีรายงานว่านายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยประทับความเร่งด่วน ด่วนที่สุดไปยังกระทรวงมหาดไทย พิจารณากรณีนี้แล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ระบุว่ากระทรวงมหาดไทย จะเป็นผู้พิจารณาดำเนินการหากเข้าข่ายจะมีการโยกย้ายออกจากพื้นที่ไว้ก่อน หากไม่เข้าข่ายอาจพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งอยู่ในพื้นที่ต่อไปก็ได้