หลอนอะไรเนี่ย หนุ่มแค่ไปเยี่ยมแฟนเก่าป่วยหนัก ถูกกดดันให้เป็นเจ้าบ่าวในพิธี "แต่งงานผี"

หลอนอะไรเนี่ย หนุ่มแค่ไปเยี่ยมแฟนเก่าป่วยหนัก ถูกกดดันให้เป็นเจ้าบ่าวในพิธี "แต่งงานผี"

หลอนอะไรเนี่ย หนุ่มแค่ไปเยี่ยมแฟนเก่าป่วยหนัก ถูกกดดันให้เป็นเจ้าบ่าวในพิธี "แต่งงานผี"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อดีตแฟนสาวป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย หนุ่มไปเยี่ยมด้วยความหวังดี ดันถูกขอให้เข้าพิธีแต่งงานผี พอปฏิเสธเจอรุมสาปยับ

เว็บไซต์ ctwant ของไต้หวัน รายงานกรณีหญิงสาวคนหนึ่งโพสต์ระบายความในใจลงในโซเชียล โดยเปิดมาด้วยคำถามว่า “ขอถามคนใจกว้างว่าจะรับได้ไหม” พร้อมเล่าว่า สามีของเธอมีอดีตแฟนสาวที่คบกันมา 8 ปี ซึ่งเลิกกันไปนานแล้วเพราะความไม่เข้ากัน และหลังจากแต่งงานสามีของเธอก็เลิกติดต่อกับแฟนเก่า เพื่อไม่ให้ภรรยาเกิดความระแวงในใจ

อย่างไรก็ดี ล่าสุดมีเพื่อนมาบอกกับสามีของเธอว่า แฟนเก่าของเขาเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย หลังจากนั้นสามีจึงถามมาเธอว่าอยากไปเยี่ยมไหม เพราะเขาต้องการขอความยินยอมจากภรรยาก่อน เมื่อเธอนึกถึงมิตรภาพครั้งเก่าและความห่วงใยอันบริสุทธิ์ที่ทั้งคู่มีต่อกัน จึงตกลงไปเยี่ยมผู้ป่วยด้วยกัน

โดยไม่คาดคิด หลังจากนั้นจู่ๆ อดีตแฟนสาวก็ส่งข้อความมาหาสามีของเธอ โดยบอกว่าเขายังคงมีความสำคัญต่อเธอมาก และบอกว่าเธอต้องการแต่งงานกับเขาหลังจากเสียชีวิต หรือก็คือขอให้ยอมตกลงเป็นเจ้าบ่าวใน "พิธีแต่งงานผี" ตามประเพณีความเชื่อเก่าแก่ตั้งแต่ยุคโบราณ ที่จะจัดงานแต่งงานให้กับศพที่ไม่เคยแต่งงานมีคู่ เพราะเชื่อว่าหากไม่ทำดวงวิญญาณของผู้ตายจะไม่เป็นสุข ครอบครัวก็จะอยู่อย่างไม่เป็นสุขไปด้วย

แต่โชคดีที่เมื่อสามีของเธอได้ยินคำขอแล้วก็รีบปฏิเสธทันที เพราะนอกจากพิธีดังกล่าวจะขัดกับความเชื่อในยุคปัจจุบันแล้ว ยังถือเป็นการทำให้ภรรยาต้องไม่สบายใจอีกด้วย แต่เมื่ออดีตแฟนสาวไม่ได้รับคำตอบตามที่ต้องการ เธอก็เริ่มซึมเศร้าและขู่ว่าจะเลิกการรักษา พ่อแม่ของอดีตแฟนสาวเริ่มตำหนิสามีของเธอว่าไร้ความปรานีและไร้มนุษยธรรม ทั้งที่เป็นคำขอสุดท้าย แล้วก็ไม่ใช้การแต่งงานจริงๆ เสียหน่อย

สุดท้ายผู้โพสต์บอกว่า เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้เธอรู้สึกผิดมากจนร้องไห้เลยทีเดียว เพราะถ้อยคำต่อว่าทำให้อดคิดไม่ได้ว่า "ดูเหมือนว่าจะเป็นความผิดของพวกเรา" แต่ก็ขอบคุณสามีที่ห่วงใยความรู้สึกของเธออย่างหนักแน่นตั้งแต่ต้นจนจบ

หลังจากเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ ชาวเน็ตต่างยกย่องสามีของเธอที่ตัดสินใจได้ถูกต้อง และปลอบโยนเจ้าของเรื่องว่า "อย่าทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ด้วยความคิดเพ้อเจ้อของคนอื่น ใช้ชีวิตให้ดี และอย่าสนใจสิ่งที่คนอื่นพูด"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook