"ประยุทธ์" ปราศรัยเสียงสั่น ลั่นไม่ยอมถอยหลัง เลือกความสงบจบที่ลุงตู่เหมือนเดิม
พรรครวมไทยสร้างชาติ จัดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายปิดการหาเสียงเลือกตั้ง ที่ห้อง Exhibition Hall ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในหัวข้อ “อย่าให้ลุงตู่สู้คนเดียว ออกมาช่วยกันรักษาบ้านเมือง รวมทุกหัวใจ รวมไทยสร้างชาติ” โดยมีกองเชียร์แห่มาฟังวิสัยทัศน์และนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นจำนวนมาก
ซึ่งช่วงต้นมีการเปิดตัว ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 33 เขต ของกรุงเทพมหานคร ก่อนที่จะร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นการปราศรัยอย่างเป็นทางการ โดยระหว่างนั้นพิธีกรได้มีการกล่าวปลุกใจความรักชาติ ความเป็นช้างศึกอยู่ตลอดเวลา
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ ขึ้นปราศรัยเวทีสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง โดยพลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า
"ลุงตู่อยู่ไหน ลุงตู่อยู่ไหน พี่ตู่อยู่ไหน วันนี้ทั้งลุงตู่ทั้งพี่ตู่มาเจอกันที่นี่อีกแล้ว เอาหัวใจมาฝาก เอาความรักมาให้ เอาความจริงใจมาเสนอ ดีใจ ผมเห็นแล้วตื้นตัน ในความรักความสามัคคีของพวกเรา ความรักมันอบอวลไปทั้งห้องเลย ขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบให้ ทั้งชาวกรุงเทพฯ และผู้ที่รับฟังจากบ้านทุกอำเภอ ทุกจังหวัด ทุกเขต ของประเทศไทย นี่คือเสียงจากรวมไทยสร้างชาติ เราต้องรักกัน เราคือคนไทยเราคือประเทศไทย เราคือครอบครัว ทุกคนมารวมกันในวันนี้ด้วยจิตใจที่มั่นคงแข็งแกร่ง และพร้อมที่จะเดินหน้าไปด้วยกันกับพวกเรา
"สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่รวมไทยสร้างชาติ ได้ตั้งปณิธานไว้ว่าบ้านเมือง เราจะต้องสงบใช่หรือไม่ สมัยปี 2562 ความสงบจบที่ลุงตู่ แต่ปี 2566 ความสงบก็จบที่ลุงตู่เหมือนเดิม เราทำมาหากินได้มาหลายปี ด้วยความสงบเรียบร้อย เราผ่านวันเวลายากลำบากมาด้วยกันในช่วงโควิด 19 ช่วงที่เศรษฐกิจโลกตกต่ำ ทำให้เราได้รับผลกระทบไปด้วย ทุกอย่างกำลังเดินหน้าอยู่
"สิ่งสำคัญคือความรัก ความสามัคคีที่ผมต้องการจากท่านเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ผมไม่ต้องการอะไรจากท่าน ทั้งหัวใจ ผมมอบให้ท่าน ทั้งหัวใจและร่างกายของผม ที่ผมมายืนอยู่ตรงนี้ เราต้องการให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า ประเทศไทยต้องไปต่อ ไปต่อด้วยความรักความสามัคคี ความมุ่งมั่น ความเข้มแข็ง เอาชนะทุกอย่าง ทั้งในส่วนของตัวเองและในส่วนของสังคม ของประเทศไทยทั้งหมด พร้อมขอให้เลือกทั้งหมด ขอให้บอกปากต่อปาก ร่วมกันเลือกรวมไทยสร้างชาติได้หรือไม่ ต้องได้ เพราะเราคือคนไทย หัวใจที่ยิ่งใหญ่ หัวใจที่ยิ่งใหญ่กว่าหัวใจคนปกติ ผมไปตรวจร่างกายมาเรียบร้อยแล้ว เขาบอกผมไม่เป็นอะไรเลย แข็งแรงทุกประการ เสี่ยงอย่างเดียวคือโรคหัวใจโต
"ทุกคนคงมีความรู้สึกเช่นเดียวกับผม เห็นแล้วมันสะท้อนใจ เจ็บปวดในสิ่งที่จะเกิดขึ้น หากถ้าเราไม่รักกัน เราไม่ช่วยกัน สิ่งต่างๆ ที่เราคาดไม่ถึงมันจะเกิดขึ้น ซึ่งเรายอมรับไม่ได้ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่พวกเราทุกคนในฐานะที่เป็นคนไทยต้องช่วยกัน ทำให้บ้านเมืองนี้มีความสงบเรียบร้อย ทุกภาคส่วนแข็งแกร่งแข็งแรง ทั้งรัฐ ประชาชน เอกชนธุรกิจ ผู้มีรายได้ ทั้งหมดจะต้องแข็งแกร่ง สิ่งที่จะทำให้บ้านเมืองแข็งแกร่งได้ขึ้นอยู่ในมือพวกเราทุกคน
"จริงๆ แล้วผมเองเป็นคนที่รับฟังทุกเรื่องทุกอย่างทุกช่องทาง เพื่อที่จะนำมาประมวลว่าเราจะแก้ปัญหาเหล่านั้นได้อย่างไรอย่างมีสติ อย่างมีสมองที่จะครุ่นคิด ผมยอมเหนื่อย ยอมเจ็บปวด ก่อนที่จะหยุดพูดไปสักพักหนึ่ง ด้วยเสียงสั่นเครือและกล่าวต่อว่า เพื่อคนไทย ยอมรับว่าประเทศไทยเปลี่ยนไปมากแล้วคน 70 ล้านคนไม่ใช่น้อยๆ ยังมีคนที่ยากลำบากอยู่ ยังมีคนที่เดือดร้อนอยู่ เราจะต้องร่วมมือในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ให้เร็วที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดคือความรักความสามัคคี จะช่วยให้ความสำเร็จให้กับพวกเราทุกคน
"วันนี้ผมย้ำอีกครั้งว่าประเทศไทยของเรานั้น เปลี่ยนแปลงไปมาก เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีการพัฒนาประเทศ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพื่อกลับไปสู่ความเดือดร้อน ความไม่สงบสันติ เราต้องทำให้ประเทศไทยนั้น เดินหน้าไปต่อให้ดีที่สุด ให้สงบที่สุด ด้วยความรักที่มอบให้แก่กัน เราไม่ใช่ศัตรูกัน ผมไม่ใช่ศัตรูของใคร ทุกคนเราไม่ใช่ศัตรูของใคร เราต้องให้อภัยซึ่งกันและกันในทุกเรื่อง เพื่อให้ประเทศไทยได้เดินไปข้างหน้า การเปลี่ยนแปลงตรงนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อก้าวสู่ความพัฒนา
"เวลาหมดไปเรียกกลับมาไม่ได้อีกแล้ว วันนี้ผมมีอารมณ์นิดนึง อารมณ์ซาบซึ้งกับพวกเราทุกคน นั่งฟังมาชั่วโมงกว่าๆ เกือบ 2 ชั่วโมง ผมถึงบอกว่าวันนี้ ผมไม่เสียใจที่ผมได้เป็นทหารมา ได้ดูแลปกป้องแผ่นดินผืนนี้ มาให้ไว้กับพวกเรา ผมต้องการให้แผ่นดินผืนนี้เป็นแผ่นดินแห่งสันติสุข แผ่นดินที่ปลอดภัย แผ่นดินที่คนไทยร่วมรักสามัคคีซึ่งกันและกัน
"เราไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกแผ่นดิน ท่านรับได้หรือ อะไรจะเสียหายบ้างรู้ไหม เราเปลี่ยนแปลงแบบพลิกแผ่นดินไปครั้งเดียวไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ว่าจะพลิกอะไร วันนี้เรามีของเราอยู่แล้ว อยู่ที่พวกเราทุกคน คนไทยทุกคน ดังนั้นที่ผมบอกว่าหัวใจผมโตเพราะหัวใจผมยิ่งใหญ่ขึ้น ต้องรักกันให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
"บางครั้งผมก็รู้สึกเจ็บปวดที่หลายคนไม่เข้าใจ แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมาในวันนี้คือ กำลังใจมากกว่า ทำให้ผมมีกำลังใจในการที่จะเดินหน้าประเทศไทยไปข้างหน้า เราจะไม่หันหลังกลับไปอีกแล้ว ผมจะไม่ยอมก้าวถอยหลังไปอีกแล้ว เราต้องจับมือกัน ร่วมมือกัน ลากกัน อุ้มกันไป เดินไปข้างหน้า อย่าหยุดอยู่กับที่เด็ดขาด อย่าให้อะไรมาชะงัก เราจะต้องเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น เปลี่ยนแปลงในการพัฒนาประเทศที่ดีขึ้น เพิ่มความรักความสามัคคีให้มากยิ่งขึ้น เพื่อลูกหลานเพื่ออนาคตของพวกเราทุกคน
“เราจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายรากเหง้าของประเทศไทยเป็นเด็ดขาด สังคมครอบครัว สังคมการเคารพผู้ใหญ่ สังคมการนับถือศาสนา สังคมความรักความสามัคคี ผมเห็นรอยยิ้มวันนี้แล้ว ผมชื่นใจ ทุกคนต้องไม่ปล่อยให้ผมสู้อยู่คนเดียว ใครจะสู้ไปกับผมบ้าง เราจะต้องรวมใจกัน ออกมาปกป้องคุณค่าของประเทศไทย ทุกคนยอมรับ เราไม่ได้ด้อยกว่าใคร
"ผมกำลังปรับอารมณ์ให้ทัน ผมพูดทุกอย่างด้วยจิตใจของผม ผมไม่เคยพูดแบบนี้ แต่มันเป็นแรงบันดาลใจให้ผม ในการที่จะเดินหน้าให้กับพวกเราทุกคน ผมไม่ต้องการทะเลาะกับใคร วันนี้ผมดีใจที่ผมมีเพื่อนร่วมเดินทางกับผมมีจำนวนมาก ผมขอใจให้กับรวมไทยทั้งประเทศได้ใช่หรือไม่ ร่วมมือกันเดิน หนทางไปสู่เกียรติศักดิ์ จะประดับด้วยดอกไม้หอมหวล ยวนจิตไซร้ ไป่มี
"ผมอาจจะไม่เคยทำมาก่อน แต่เมื่อผมมาเจอมาพบกับผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ในพรรครวมไทยสร้างชาติ ทำให้ผมมีแรงฮึดขึ้นมาว่า เราต้องทำให้ได้ แล้ววันนี้ผมคิดว่าผมก็ทำได้ดีพอสมควร ใช่หรือไม่ แต่ภาระเรายังมีอีกเยอะ ยังมีอีกมากปัญหาทุกปัญหาจะต้องได้รับการแก้ไข จะได้รับการดูแล และจะต้องมีวิธีการในการดูแล ที่ถูกต้อง เราไม่อาจจะให้ประเทศของเราล่มสลาย เสถียรภาพการเงินการ ของเราจะต้องไม่ล่มสลาย เราต้องทำงานอย่างเป็นระบบทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องทำให้ประเทศไทยได้รับความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ"
อย่างไรก็ตามระหว่างการปราศรัย พลเอกประยุทธ์มีการหยุดเป็นระยะ ด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสลด ก่อนที่จะลุกขึ้นมาปลุกกำลังใจ บรรดาแฟนคลับที่มารอรับประกันปราศรัย โดยเปิดเสียง "ช้าง" ร้องคำราม กึกก้องไปทั่วฮอลล์
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ