แม่ร่ำไห้ใจสลาย ครรภ์เป็นพิษ-เด็กไม่กลับหัว รพ.ส่งตัวช้า 13 ชม. ลูกตายในท้อง

แม่ร่ำไห้ใจสลาย ครรภ์เป็นพิษ-เด็กไม่กลับหัว รพ.ส่งตัวช้า 13 ชม. ลูกตายในท้อง

แม่ร่ำไห้ใจสลาย ครรภ์เป็นพิษ-เด็กไม่กลับหัว รพ.ส่งตัวช้า 13 ชม. ลูกตายในท้อง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม่ร่ำไห้ใจสลาย ท้องมาเกือบ 9 เดือน ครรภ์เป็นพิษ-เด็กไม่กลับหัว รพ.ส่งตัวช้า 13 ชม. ลูกตายในท้อง

เมื่อเวลา 14.00 น. (21 พ.ค.66) น.ส.นิด (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี เดินทางจากจ.ระยอง เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณาหงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อขอความเป็นธรรม โดย น.ส.นิด กล่าวว่า วันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลา 08.00 น. ตนตั้งครรภ์ร่วม 9 เดือน ได้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลอำเภอแห่งหนึ่งตามนัด แพทย์ตรวจพบแม่มีความดันโลหิตสูง และครรภ์เป็นพิษ เวลา 15.00 น. แพทย์ได้ทำการอัลตราซาวด์บอกว่าตอนนี้เด็กยังไม่กลับหัว ยังหันก้นออก ซึ่งทางโรงพยาบาลอำเภอผ่าคลอดไม่ได้ แต่กลับไม่รีบส่งไปโรงพยาบาลจังหวัด และยังให้ยาเหน็บเร่งคลอด 2 ครั้ง ครั้งแรกตอน 18.00 น. ครั้งที่สอง ตอนเที่ยงคืน

พอช่วงตี 2 วันที่ 10 พ.ค. แม่รู้สึกว่ามีอาการน้ำเดินจึงแจ้งพยาบาล และแพทย์ได้ตรวจภายในพบว่าปากมดลูกเปิด 4 ชม. จะทำคลอดแต่เด็กหันเอาเท้าออกจึงทำคลอดไม่ได้ ทางโรงพยาบาลอำเภอจึงจะส่งตัวไปผ่าคลอดที่โรงพยาบาลจังหวัด ตนนอนรอจนเกือบตี 4 ถึงได้ถูกส่งตัวไป ตอนนั้นแพทย์ตรวจพบว่าเด็กยังมีชีพจรอยู่ และไปถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัดตอนเวลาประมาณ 05.00 น. แพทย์พยาบาลโรงพยาบาลประจำจังหวัดมาตรวจบอกให้แม่ทำใจเพราะพบว่าเด็กไม่มีชีพจรแล้ว ซึ่งตอนนั้นแม่ใจสลายที่เสียลูก ขณะเดียวกันมดลูกก็เปิดเต็มที่จึงได้เบ่งคลอดลูกที่ไร้วิญญาณออกมาตามธรรมชาติ และแม่ก็อาการแย่เกือบจะไม่รอด ความดันโลหิตสูงถึง 170 แต่แพทย์ช่วยไว้ได้ทัน น.ส.นิด ร่ำไห้ กล่าวอีกว่า ปกติเวลาตรวจพบว่าครรภ์เป็นพิษต้องรีบผ่าคลอด เพราะอาจเป็นอันตรายทั้งแม่และเด็ก

หนูจึงสงสัยว่า ทำไมโรงพยาบาลอำเภอถึงไม่รีบส่งตัวหนูตั้งแต่ตรวจพบครรภ์เป็นพิษช่วงบ่าย 3 เมื่อรู้ว่าทางโรงพยาบาลผ่าคลอดไม่ได้ รวมเวลาที่อยู่โรงพยาบาลอำเภอถึง 19 ชั่วโมง จนเด็กเสียชีวิตในท้อง ถ้าหากส่งตัวหนูไปโรงพยาบาลจังหวัดเร็วกว่านี้ลูกหนูคงไม่ตาย

อยากให้โรงพยาบาลชี้แจงสาเหตุและให้ความเป็นธรรมกับลูกหนู น.ส.นิด ย้ำว่า "หนูไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนอื่นอีก ไม่มีใครที่ไม่เสียใจ เพราะอุ้มท้องมาถึง 9 เดือน ความรู้สึกคนเป็นแม่ก็แย่ทุกคน แล้วถ้าหนูเสียชีวิตไปกับน้องด้วย ใครจะเลี้ยงลูกหนูอีก 2 คนที่ยังเล็กและกำลังเรียนหนังสือ ยังดีที่โรงพยาบาลจังหวัดช่วยชีวิตหนูไว้ได้ทัน

ตอนนี้หนูตั้งศพลูกไว้ที่วัดป่าหวาย ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย จ.ระยอง และจะยังไม่เผาศพลูกจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม จึงมาขอพบนางปวีณา เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับลูกหนูด้วย"

หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พ.ต.อ.วีพงษ์ กงแก้ว ผกก.สภ.เมืองระยอง ที่ผู้เสียหายไปลงบันทึกประจำวันไว้ เนื่องจากผู้เสียหายแจ้งว่าสภ.ปลวกแดง ไม่รับแจ้งความ ทั้งนี้หากจะต้องส่งมีการชันสูตร นางปวีณา จะประสานทาง พ.ต.อ.วีพงษ์ กงแก้ว ผกก.สภ.เมืองระยอง ส่งศพเด็กมาชันสูตรที่นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมกันนี้ นางปวีณา ได้ประสาน นางนพนา เจริญธรรม หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดระยอง ลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวดูแลสภาพจิตใจผู้เสียหาย

นางปวีณา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว น.ส.นิด เรื่องนี้ต้องให้กระทรวงสาธารณสุขตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ทำไม น.ส.นิด มาโรงพยาบาลและตรวจพบครรภ์เป็นพิษเวลา 15.00 น. ผ่านไป 13 ชั่วโมง ไม่มีใครตัดสินใจที่จะส่งตัวไปโรงพยาบาลจังหวัดก่อนหน้านี้หรือ โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรมต่อไป

ทั้งนี้นางปวีณา ได้ประสาน นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นพ.ทรงคุณวุฒิ ระดับ 11) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งนพ.รุ่งเรือง รับปากจะเร่งดำเนินการตรวจสอบ และส่งเรื่องให้สาธารณสุขจังหวัดระยองเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้ต่อไป 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook