ครูสาวแฉโรงเรียนบนดอย ร้อง ป.ป.ช. หลังมี "ผู้ใหญ่" โทรเคลียร์แลกย้ายกลับกรุงเทพ
ครูเพชร ที่ออกมาแฉโรงเรียนบนดอย เด็กถูกครูทำร้าย ล่าสุดมาร้อง ป.ป.ช. หลังมี "ผู้ใหญ่" โทรเคลียร์แลกย้ายกลับกรุงเทพ
การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่นางสาวเพชรรัตน์ รักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในอ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่ามีเด็กนักเรียนถูกครูในโรงเรียนถูกลงโทษด้วยการทำร้ายร่างกายอย่างโหดร้ายรวมทั้งยังพบการเบิกเงินจากกองทุนเงินบริจาคช่วยเหลือเด็กที่ส่อไปในทางทุจริต
ล่าสุดช่วงสายวันนี้ ( 22 พ.ค.66 ) นางสาวเพชรรัตน์เดินทางไปที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ภาค 5 นำหลักฐานเข้ายื่นร้องเรียนกับนายนิรันดร ศรีภักดี ผู้อำนวยการ ป.ป.ช.ภาค 5 ขอให้ตรวจสอบกรณีผู้บริหารและครูใช้เงินกองทุนบริจาคของโรงเรียน โดยเชื่อว่าอาจจะเข้าข่ายทุจริต ขณะที่ทาง ป.ป.ช.ภาค 5 ได้รับเรื่องไว้และจะพิจารณาว่าเข้าหลักเกณฑ์เพื่อเริ่มกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงหรือไม่
ขณะที่ในวันนี้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ ส่งเจ้าหน้าที่เข้าดูแลครูเพชรรัตน์ พร้อมกับเป็นตัวกลางประสานงานกับยุติธรรมจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เพื่อให้เข้าถึงสิหทธิตามกฎหมายทั้งการเข้าโครงการคุ้มครองพยานและช่วยเหลือด้านอื่นๆ นางสาวเพชรรัตน์ ยืนยัน ยื่นเรื่องตรวจสอบเรื่องการไปราชการที่ภาคใต้ว่าเดินทางไปถูกต้องตามระเบียบและใช้เงินถูกต้องตามระเบียบราชการหรือไม่ เนื่องจากไม่พบหนังสือราชการและหลักฐานการเบิกจ่ายที่ถูกต้อง
หลังตัดสินใจออกมาแฉ ครูเพชรรัตน์บอกว่ามีคนมาให้กำลังใจมากทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก แต่ก็ผิดหวังที่ผู้ใหญ่ยังไม่เข้าใจ โดยเมื่อวานนี้มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งโทรศัพท์มาบอกว่าจะให้ไปช่วยราชการที่กระทรวงแลกกับการที่ไม่ต้องออกสื่ออีก ซึ่งเธอได้บอกไปว่าที่ออกมาเปิดเผยเรื่องราวไม่ได้อยากกลับไปอยู่กรุงเทพ แต่เป็นเพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ยืนยันจะต่อสู้ให้ถึงที่สุดและพร้อมที่จะโดนไล่ออกปลดออก นอกจากนี้ยังรู้สึกกังวลที่ยังไม่เห็นท่าทีของ ส.พ.ป.เชียงใหม่ เขต 3 ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะให้เธอทำอย่างไรต่อไป จะให้ไปทำงานที่เดิมตามปกติ หรือ จะให้ไปช่วยราชการที่ไหน นั่นหมายความว่าสถานะการทำงานของเธอในวันนี้ก็คือจะต้องไปทำงานตามปกติ ทั้งที่คนที่ถูกร้องเรียนก็ยังอยู่ วันนี้จึงตัดสินใจขาดราชการเพราะรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย
ส่วนประเด็นเด็กที่ถูกทำร้าย รู้สึกสบายใจขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่ พม.เชียงใหม่ ตำรวจ ลงพื้นที่ดูแลและยังมีมูลนิธิเอกชนช่วยดูแลอีกส่วนหนึ่ง ส่วนที่ผู้บริหารโรงเรียนออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้เงินกองทุนเด็ก ก็มีสิทธิปฏิเสธได้ แต่เธอเชื่อว่าจะเป็นการทุจริตและเอกสารที่ยื่นกับครูฝ่ายการเงินก็น่าจะบอกอะไรได้ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ยอมรับว่ากังวลเรื่องการสอบสวนเพราะผู้บริหารเคยอ้างในที่ประชุมหลายครั้งว่าสนิทสนมกับผู้บริหารระดับเขตเป็นพิเศษ โดยผู้บริหารระดับเขตเป็นรุ่นพี่
ล่าสุดเมื่อวานนี้ผู้บริหารเขตได้ปฏิเสธว่าไม่ได้มีความสนิทสนมกับผู้บริหารโรงเรียนและเรียกให้เธอไปชี้แจง ไม่อย่างนั้นจะฟ้องดำเนินคดี เธอจึงสงสัยว่าจะมาฟ้องเธอเพื่ออะไร ทั้งหมดนี้ทำให้คำกล่าวอ้างถึงความสนิทสนมกันมีน้ำหนัก
ด้าน นางสาววิรัชดา ปิงเมือง นักสังคมสงเคราะห์ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ อ.เชียงดาว เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยจะดูถึงความรุนแรงและติดตามหาผู้ปกครองเพื่อสอบถามถึงความพร้อมในการดูแลเด็กเพื่อพิจารณาแนวทางช่วยเหลือเด็ก โดยทางบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมจะเข้ามาช่วยเหลือทั้งตัวเด็กและครู ช่วงสายวันเดียวกันนี้ ผู้ปกครองและเด็กผู้เสียหาย เข้าพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.เชียงดาว เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงและหากประสงค์จะดำเนินคดีจะมีการประสานทีมสหวิชาชีพเพื่อร่วมสืบสวนสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ตามลำดับ
ขณะที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร เปิดเผยว่า ได้สั่งให้ ส.พ.ป.เขต 3 สอบพฤติกรรมครูทำโทษนักเรียนเกินกว่าเหตุ โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากพบความผิดต้องลงโทษตามระเบียบและกฎหมาย เพื่อทำให้จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเมืองปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานศึกษา พร้อมชื่นชมและยกย่องนางสาวเพชรรัตน์ที่ออกมาที่ปฏิบัติตนสมกับการเป็นข้าราชการครู ด้วยการเปิดเผยเรื่องนี้ ไม่ปกปิดหรือนิ่งต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น ล่าสุดมีรายงานว่า ส.พ.ป.เขต 3 ได้สั่งให้ฝ่ายนิติกรลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมประสานนักจิตวิทยาเข้าดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิด ขณะที่นายเรืองยศ ปันศิริ ผู้อำนวยการ ส.พ.ป.เขต 3 ยังไม่ออกมาให้สัมกับสื่อมวลชน โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าติดภารกิจ