ลูกทอดทิ้งพ่อตาบอด แถมเอาที่ไปจำนอง เพื่อนบ้านควักเกือบ 3 แสน ช่วยซื้อก่อนถูกยึด
ลูกทิ้งพ่อตาบอด แถมเอาที่ไปจำนอง เพื่อนบ้านควักเกือบ 3 แสน ช่วยซื้อก่อนถูกยึด สงสารกลัวไม่มีที่อาศัย
(24 พ.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านโคกพยอม เลขที่ 3 หมู่ 18 ตำบลยาง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ นายเชือด ผาสุข อายุ 78 ปี ซึ่งเป็นคนพิการตาบอด หูตึง อาศัยอยู่เพียงลำพัง โดยเป็นบ้านปูนชั้นเดียวสภาพเก่าหลังคาผุพัง วางของกระจัดกระจาย คล้ายบ้านร้าง มีแคร่ไม้ใผ่เป็นที่นั่งเล่น และที่นอนในเวลาเดียวกัน พร้อมพัดลมอยู่ 1 ตัว ที่มีเพื่อนบ้านนำมาบริจาคให้ โดยนายเชือดได้เดินคลำทางมาเปิดไฟภายในบ้านให้ผู้สื่อข่าวดู ซึ่งสภาพสวิตช์ไฟและปลั๊กไฟเก่าทรุดโทรมเป็นอย่างมาก ลักษณะไม่ค่อยปลอดภัย พร้อมกับสาธิตขณะเดินเข้าห้องน้ำในความมืดมิด อย่างชำนาญ ใช้มือทั้ง 2 ข้างคอยสัมผัสสิ่งกีดขวาง เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
นายเชือด ผาสุข อายุ 78 ปี ได้เล่าว่า เมื่อก่อนตนเองมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ทำได้ทุกอย่าง ซึ่งขณะนั้นได้ออกไปรับจ้างตัดไม้ใผ่ เดินพลาดท่าโดนกิ่งไม้ใผ่ถากเข้าที่ตาทั้ง 2 ข้างแล้วก็มืดเลย โดยตนเองได้เดินทางไปพบแพทย์แล้ว แต่ทางแพทย์บอกมาว่า ดวงตาของตนเสียไปแล้วทั้ง 2 ข้าง โดยอยู่ในความมืดมาราวกว่า 10 ปีแล้ว ทำอะไรไม่ได้เลย ได้ครูสืบ กับผู้ใหญ่บ้านคนละหมู่บ้าน คอยส่งข้าวส่งน้ำให้กินเช้า-เย็น มื้อเที่ยงตนต้องอดข้าว เพราะไม่มีคนสะดวกมาส่ง ส่วนระบบน้ำประปา และไฟฟ้า ตนเองมีใช้เป็นปกติ โดยมีผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว คอยดูแลให้ ที่ตนเองต้องอยู่ตัวคนเดียว เพราะภรรยาได้เสียชีวิตจากไปหลายปีแล้ว ด้วยโรคชรา
ส่วนลูกๆ มี 5 คน เสียชีวิต 3 เหลือ 2 คน แยกไปมีครอบครัวหมด โดยลูกๆ ทำงานอยู่กรุงเทพ ไม่เคยมาหาตน และไม่เคยส่งเสียตนเลย บางครั้งตนก็คิดถึงลูก แต่ไม่รู้จะทำยังไง ส่วนบ้านหลังนี้ ปลูกอยู่บนที่ดินของภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้ว
นางสาวสุเนียน สุริโย อายุ 53 ปี ผู้ใหญ่บ้านกระชาย หมู่ที่ 14 ตำบลยาง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ เผยว่า ตนเองเป็นผู้ใหญ่บ้านอีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างกันแค่คนละฝั่งถนน ตนเองก็ถือว่าเป็นญาติห่างๆ ต้องมาดูแลตาเชือด อยู่บ่อยครั้ง ทั้งส่งข้าว-น้ำ ตัดผม หากพอมีเวลาว่างก็มาช่วยทำความสะอาดภายในบ้านให้บ้าง ส่วนลูกของตาเชือด เหลืออยู่ 2 คน คนเล็กอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณ 20 กิโลเมตร ส่วนลูกสาวคนโตอยู่ที่กรุงเทพ ทุกคนต่างแยกย้ายไปมีครอบครัวหมด และไม่เคยส่งเสียพ่อเลย ตนเองก็รู้สึกสงสารตาเชือด แต่ไม่รู้จะทำยังไง ส่วนรายได้ มีเบี้ยคนพิการ 800 บาท เบี้ยผู้สูงอายุ 700 บาท และยังมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐช่วยบรรเทาอีกหน่อย พอได้จ่ายค่าจิปาถะ ตนก็มาช่วยจัดการให้ทุกอย่าง
ทางด้านนางวัฒนา เติมกล้า อายุ 64 ปี ชาวบ้านกระชาย หมู่ 14 เป็นเพื่อนบ้าน ได้เผยว่า สำหรับที่ดินที่ตาเชือดอาศัยอยู่นี้ เมื่อก่อนเป็นชื่อของลูกสาวคนโตของตาเชือด โดยลูกสาวตาเชือดได้เอาไปจำนองไว้กับนายทุนอีกหมู่บ้าน ดอกเบี้ยก็ไม่เคยส่ง ต่อมาทางด้านนายทุนคนดังกล่าวได้มาคุยกับตน โดยถามตนว่า จะซื้อเอาที่ดินตรงนี้ไว้ไหม ซื่งหากนายทุนจะมายึดที่ดินดังกล่าวไป ก็จะให้ตาเชือดย้ายออกทันที ตนเองตกใจมาก เพราะตาเชือดไม่มีที่จะอยู่เลย ตนเองจึงได้โทรศัพท์ไปบอกลูกสาวที่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ลูกฟังจนลูกสาวตนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ยอมเสียเงินซื้อที่ดินตรงนี้ไว้ในราคา 240,000 บาท และได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังเจ้าของโฉนด คือลูกสาวตาเชือด ลูกสาวตนจึงได้เดินทางมาโอนโฉนดที่ดินดังกล่าว
ซึ่งหลังจากทำเรื่องโอนที่ดินเสร็จ ลูกสาวตาเชือด ได้มากราบเท้าขอเงินเพิ่มจากตนอีก 5 หมื่นบาท ซึ่งตนก็ได้ไปคุยกับลูกสาวตน ลูกสาวตนยินดีจ่ายเพิ่มให้เพราะความสงสาร ตนจึงเดินทางมาบอกลูกสาวตาเชือดว่า เงินให้ได้ แต่ตนจะเอามาแบ่งให้ลูกๆ ของตาเชือดทุกคน และตาเชือดด้วย ถ้าไม่อย่างงั้นพี่น้องจะไม่ได้อะไรเลย ตกลงไหม ลูกสาวตาเชือดก็ตอบตกลง หลังจากจบสนทนา จนเองก็เดินทางไปส่งผักที่ตลาด ลูกสาวตาเชือดจึงได้เดินทางไปที่บ้านตน ไปโกหกลูกสาวตนโดยบอกว่า ตนเองให้มาเอาเงิน 5 หมื่นบาทที่คุยกันไว้ พอได้เงินแล้วก็หนีเข้ากรุงเทพเลย โดยไม่ได้แบ่งใครสักบาท
นางวัฒนา ยังเล่าต่ออีกว่า ตนเองไม่ได้เป็นญาติพี่น้องตาเชือดเลย แค่อยู่บ้านใกล้เคียงกัน ซึ่งตอนที่ตาเชือดและยายม่วยยังอยู่ด้วยกัน ทั้ง 2 เป็นคนดีมาก ไม่เป็นพิษภัยต่อใคร ซึ่งลูกๆของตาเชือด แต่ก่อนดูแลพ่อแม่ดีมาก พอออกไปมีครอบครัวก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย ตนรู้สึกโกรธแทนมาก
ทางด้าน นายสืบศักดิ์ ขันธเกตุ (ครูสืบ) อายุ 66 ปี เล่าว่า ตนเองอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง เป็นข้าราชการบำนาญ ปกติจะนำอาหารมาส่งเกือบทุกเช้า เพราะสงสารตาเชือด หากวันไหนที่ตนไม่สะดวกก็มีผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ใกล้กันนี่แหละ ช่วยดูแล สำหรับท่านใดที่ต้องการช่วยเหลือตาเชือด สิ่งที่ต้องการมากที่สุดตอนนี้คือ อาหารแห้ง ส่วนอาหารเปียกไม่สะดวก และขอที่ไม่มีกระดูก ไม่มีก้าง เพราะเกรงจะติดคอเอาได้ สำหรับท่านใดเห็นใจ และอยากร่วมทำบุญช่วยเหลือนายเชือด ผาสุข อายุ 78 ปี ผู้พิการตาบอด หูตึง ภรรยาเสียชีวิต ถูกลูกทอดทิ้งให้อยู่ลำพัง สามารถเดินทางเข้ามาด้วยตนเองที่บ้านโคกพยอม เลขที่ 3 หมู่ 18 ตำบลยาง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ หรือสามารถบริจาคผ่านบัญชีธนาคารได้ที่ ธนาคารกรุงไทย เลขที่ 331-0-50682-7 ชื่อบัญชี นายเชือด ผาสุข หรือ โทร.094-554-9891 นางสาวสุเนียน สุริโย ผู้ใหญ่บ้านกระชาย.
อัลบั้มภาพ 9 ภาพ