ครูสาวบุรีรัมย์ แชทนัดฝรั่ง! โดนมอมยา-รูดทรัพย์นับแสนคาม่านรูด

ครูชำนาญการพิเศษ บุรีรัมย์ มีสามีแต่อยากคบฝรั่งไซส์ใหญ่ แชทคุยกันถูกคอแค่ 2สัปดาห์ นัดเจอดิ่งไปหาร้อยเอ็ด ถูกมอมยาฉกทรัพย์นับแสนบาท

เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้(2 ม.ค.) ศูนย์วิทยุพลาญชัยร้อยเอ็ด รับแจ้งทางโทรศัพท์จากบริกรของโรงแรมลิลลี่โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท ตั้งอยู่สี่แยกถนนเลี่ยงเมือง หมู่ 2 ต.หนองแวง อ.เมือง ร้อยเอ็ด ระบุผู้ใช้บริการถูกคนร้ายมอมยารูดทรัพย์ไปหลายรายการ จึงแจ้งให้ พ.ต.ท.พิศิษฏ์ คำชัยภูมิ พงส.(สบ 2) สภ.เมืองร้อยเอ็ด พร้อมด้วย พ.ต.ต.ชูสิทธิ์ หล่อแสง สว.สส.นำกำลังชุดสืบสวนไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ภายในห้องพักหมายเลข 7 พบนางอ๋อย (นามสมมุติ) อายุ 46 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ อยู่ในอาการมึนงงเนื่องจากเพิ่งฟื้นจากฤทธิ์ยานอนหลับ บนโต๊ะพบขวดเบียร์เปล่า 1 ขวดและแก้วน้ำส้มอีก 1 ใบ ทราบว่าผู้ที่มาพักด้วยเป็นฝรั่งชาวต่างชาติ แต่หายตัวไป พร้อมทรัพย์สินของผู้เสียหายเป็น เงินสดจำนวน 9,000 บาท ต่างหูทองคำหนัก 1 สลึง จำนวน 1 คู่ โทรศัพท์โนเกียร์ จำนวน 2 เครื่อง บัตรเอทีเอ็มธนาคารต่างๆ จำนวน 5 ใบ มียอดเงินในบัญชีนับแสนบาท

สอบสวนทราบว่าผู้เสียหายมีอาชีพเป็นครูชำนาญการพิเศษอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ และมีสามีแล้ว แต่อยากคบหากับฝรั่งจึงได้เล่นแชทผ่านทางเว็บไซต์ "ดีไอเอ" จนได้รู้จักกับ นายมาร์ติน เอ็กส์เนอร์ ชื่อเล่น พาร์ว อายุ 48 ปี โดยรู้จักมาประมาณ 2 สัปดาห์จนพูดจาถูกใจ จึงได้นัดพบกันและขับรถออกจาก จ.บุรีรัมย์ ไปหาที่ ห้างสยามแม็คโคร ร้อยเอ็ด ก่อนจะรับ นายมาร์ติน ไปเปิดห้องพักที่โรงแรมดังกล่าวตั้งแต่เวลา 11.30 น.วันเดียวกัน

จากนั้น นายมาร์ติน ได้ชวนดื่มเบียร์จนหมด 1 ขวด ต่อมาผู้เสียหายง่วงจึงเผลอหลับไป รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งฝรั่งคนดังกล่าวก็เอาน้ำส้มให้ดื่ม 1 แก้วและเห็นโทรศัพท์คุยกับผู้หญิงอื่นอยู่นาน จน นางอ๋อย เผลอหลับอย่างไม่รู้สึกตัว ตื่นขึ้นมาพบว่าฝรั่งหายไปพร้อมทรัพย์สินหลายรายการ

เมื่อถามพนักงานโรงแรมทราบว่าเห็นมีรถเก๋งสีน้ำเงิน ยี่ห้อฮุนได ทะเบียน กค 2107 ยโสธร ที่มี นางกาญจนา ฮอลดิ้งเฮาเซน อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 96 หมู่ 1 บ้านหนองตาไก้ อ.หนองบุญมาก นครราชสีมา มาเปิดเช่าห้องพักค้างคืนเหมือนกันอยู่ที่ห้องเบอร์ 18 มาจอดรถอยู่หน้าห้องเบอร์ 7 เป็นเวลานานและหายไปพร้อมฝรั่งคนดังกล่าว

เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า จะเป็นนางนกต่อวางแผนกับฝรั่งมอมยารูดทรัพย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานและติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป