ชมรมแพทย์ชนบทจี้นายกฯ ลงโทษปลัดสธ.

"หมอเกรียง"วอนนายกฯอ่านรายงานผลสอบให้ชัด แนะลงโทษปลัด สธ. ระบุคำชี้แจงฟังไม่ขึ้น "ไพจิตร์"ยันคุมแค่เรื่องไข้หวัด2009 ไม่ได้คุมไทยเข้มแข็ง

วันนี้(3 ม.ค.) น.พ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวถึงกรณี น.พ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ชี้แจงต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสธ. โดยระบุว่า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง เคยดูแลสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค(สบก.) ขอยืนยันว่าแม้จะดูแล สบภ. แต่โครงการดังกล่าว น.พ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ อดีตปลัด สธ.ไม่ได้ให้รับผิดชอบ แต่มอบให้ พ.ญ.ศิริพร กัญชนะ อดีตรองปลัด สธ.เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งไม่สามารถก้าวก่าย และตั้งแต่มาเป็นปลัด สธ.ก็สั่งชะลอโครงการและ ถ้ามีพฤติกรรมส่อทุจริตจริงคงไม่สั่งชะลอโครงการนั้น

น.พ.เกรียงศักดิ์ กล่าวแสดงความเห็นว่า ประเด็นสำคัญคือ น.พ.ปราชญ์ มอบให้ นพ.ไพจิตร์ ดูแล สบภ. เป็นลายลักษณ์อักษร แต่กรณีมอบให้ พ.ญ.ศิริพร ดูแลไม่มีลายลักษณ์อักษรใด ๆ

ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวอีกว่า จากหนังสือศาลากลางจังหวัดราชบุรีที่ รบ 0027/8137 ลงวันที่ 13 พ.ค. 2552 เรื่องขอเปลี่ยนแปลงงบลงทุนจากตึกอุบัติเหตุ 5 ชั้นโรงพยาบาลราชบุรีให้เป็นตึกอุบัติเหตุ 10 ชั้น และขออาคารจอดรถ 7 ชั้น เพิ่มอีกหนึ่งอาคาร แต่ลงนามโดย เจ้าพนักงานสาธารณสุขอาวุโส รักษาราชการแทน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี ทั้งที่ควรจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี

ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวมีการสำเนาเรียน นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข และฉบับสำเนานี้ได้ลงรับที่สำนักรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 พ.ค.2552 และลงเลขรับที่ห้องนายประศาสตร์ ทองปากน้ำ ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.สาธารณสุข วันที่ 19 พ.ค.2552 และนายประศาสตร์ แจ้งให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการเสนอ รมช.สาธารณสุขต่อไปในวันเดียวกัน

จากนั้นหนังสือได้เข้าไปห้องรองปลัดกระทรวง(น.พ.ไพจิตร์) วันที่ 21 พ.ค.2552 และมีผู้เสนอให้ สบภ.ดำเนินการ และ น.พ.ไพจิตร์ ในฐานะรองปลัดกระทรวง ปฎิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้เห็นชอบและให้ดำเนินการตามเสนอไป เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2552 และเรื่องนี้ได้เข้าไปที่สำนักบริหารภูมิภาค และผู้อำนวยการ สบภ.ได้มอบกลุ่มภาคกลางดำเนินการ เมื่อวันที่ 26 พ.ค.2552

"การจะอ้างว่า แม้จะดูแล สบภ. แต่โครงการดังกล่าว นายแพทย์ปราชญ์ ไม่ให้รับผิดชอบ แต่ให้ แพทย์หญิง ศิริพร เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งไม่สามารถก้าวก่าย น่าจะฟังไม่ขึ้น เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับโครงการไทยเข้มแข็งอย่างชัดเจน"

น.พ.เกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า การที่นายวิทยา แก้วภราดัย อดีต รมว.สาธารณสุข ได้สอบสวนทางวินัยและกฎหมายต่อ น.พ.ไพจิตร์ โดยแค่ว่ากล่าวตักเตือนนั้น จะถือเป็นการตัดตอนหรือไม่ เนื่องจากนายวิทยา เองก็อยู่ในฐานะที่กรรมการฯ ชี้มูลด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะสั่งลงโทษปลัดกระทรวงสาธารณสุขน่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่

นอกจากนี้ น.พ.ไพจิตร์เองที่ถูกชี้มูลอยู่ ในฐานะนี้จะมีความสง่างามเพียงพอจะเป็นผู้แต่งตั้งกรรมการสอบเจ้าหน้าที่ในสังกัดที่ตกอยู่ในชะตาเดียวกันหรือไม่ สังคมจะมั่นใจได้อย่างไรว่าผลการสอบของคณะกรรมการที่ผู้แต่งตั้งไม่ขาวสะอาดและสง่างามเพียงพอนั้นจะให้คำตอบได้โดยปราศจากข้อเคลือบแคลงสงสัย เพราะสังคมกังวลใจกับสุภาษิตที่ว่าแมลงวันย่อมไม่ตอมแมลงวันด้วยกัน

น.พ.เกรียงศักดิ์ ยังชี้ด้วยว่า นายกรัฐมนตรีน่าจะอ่านรายงานผลการสอบสวนให้ละเอียดก่อน แล้วค่อยวินิจฉัยว่าจะดำเนินการกับเรื่องนี้อย่างไรต่อไป ในเบื้องต้นหากปราศจากอคติใดๆ ต้องพิจารณาก่อนว่าเนื้อหาสาระของการสอบสวนครั้งนี้ต่อผู้ที่ชี้ถูกชี้มูล เล็กน้อยมาก ไม่เป็นประเด็นต่อสังคมในวงกว้าง จนน่าใช้อำนาจทางบริหารโดยการงดโทษ คือ การลงโทษว่ากล่าวตักเตือน นั้นเหมาะสมหรือไม่ หากเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ให้งดโทษ แต่หากเห็นต่าง และเห็นว่าควรสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ก็ควรดำเนินการทางวินัยและดำเนินการกฏหมายต่อไป ดังนั้นหากนายกฯยังดำเนินการวินิจฉัยโดยให้งดโทษทันทีโดยยังไม่ได้อ่านรายงานผลการสอบสวนให้ละเอียดก่อน ก็ยากที่จะไม่ให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยได้ว่า รัฐบาลต้องการตัดตอนเรื่องนี้

ปลัดสธ.ระบุยังเห็นเรื่องแพทย์ชนบทร้องเอาผิด

ด้าน น.พ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวยืนยันว่า สมัยที่ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงสาธารณสุขจะเห็นว่าเขาไม่เคยพูด และให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็งเลย เพราะมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพียงเรื่องเดียว สื่อมวลชนก็น่าจะเห็นการทำงานตรงนี้

ดังนั้น เวลามีหนังสือเข้ามาก็จะปฏิบัติตามขั้นตอน คือส่งไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือเสนอผู้มีอำนาจในการอนุมัติโครงการ ดังนั้นกรณีชมรมแพทย์ชนบทระบุถึงนั้น ยังไม่เห็นรายละเอียดและจำไม่ได้ เพราะการทำงานมีหนังสือเข้ามานับพันเรื่อง