“สุชาติ” สอน "ก้าวไกล" ประธานสภา ไม่มีสิทธิเลือก กม.ได้ตามใจ
“สุชาติ” สอนก้าวไกลประธานสภา ไม่มีสิทธิเลือก กม.ได้ตามใจ บอกกล่าวหาสภา เท่ากับว่าตัวเอง ชี้ไม่ยึดติดตำแหน่ง แต่อยากให้ตั้งรัฐบาลเดินหน้าทำงานได้เร็ว
นายสุชาติ ตันเจริญ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตรองประธานสภาฯ กล่าวถึงกรณีแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกล และคำให้สัมภาษณ์ของแกนนำพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับตำแหน่งประธานสภาว่า อาจทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดได้ว่า ประธานสภาฯ และนายกฯสามารถใช้ดุลพินิจเกี่ยวกับการตรากฎหมายยิ่งกว่าเจตจำนงของ ส.ส.ที่เป็นตัวแทนของประชาชน และการอ้างว่าเป็นประเพณีที่พรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 ในสภาฯ จะได้รับตำแหน่งประธานสภาฯ ก็ไม่ตรงตามข้อเท็จจริงเสียทีเดียว
เพราะในประวัติศาสตร์มีหลายครั้งที่ประธานสภาฯ ก็ไม่ได้มาจากพรรคการเมืองที่มี ส.ส.มากที่สุด ที่ผ่านมาทุกสมัย ประธานสภาฯจะมาจากการเลือกของเพื่อน ส.ส.ในสภาฯ ไม่ใช่พรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งเป็นผู้เลือก และการปฏิบัติหน้าที่ของประธานสภาฯ จะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลางตามกรอบที่รัฐธรรมนูญ ตลอดจนข้อบังคับการประชุมสภาฯกำหนด
สำหรับการบรรจุวาการประชุมสภาฯ รวมไปถึงวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ต่างๆ ประธานสภาฯ ไม่มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับการประชุมสภาฯ การจะบรรจุร่าง พ.ร.บ.ของพรรคที่ตนเองสังกัดก็ต้องบรรจุตามลำดับ ประธานสภาฯ ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกบรรจุตามอำเภอใจได้ และไม่มีสิทธิ์ที่จะเลื่อนร่าง พ.ร.บ.ที่บรรจุไปแล้วขึ้นมาพิจารณา ซึ่งเป็นเรื่องของที่ประชุมสภาฯต้องตกลงกัน
ตนเข้าใจว่า ขณะนี้มีความพยายามในการแย่งชิงตำแหน่งประธานสภาฯกันระหว่างพรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 ซึ่งเป็นเรื่องการเจรจาต่อรองกันทางการเมืองที่เจรจากันเป็นการภายใน และพรรคก้าวไกล เองก็มีอดีต ส.ส.ร่วมทำหน้าที่ในสภาฯชุดที่แล้วหลายท่าน การกล่าวหาสภาฯในทางเสียหาย ก็เหมือนกับตำหนิการทำหน้าที่ของตัวเองด้วย จึงอยากให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับสภาฯ หรืออำนาจหน้าที่ของประธานสภาฯ ส่วนตัวผมก็มีคนเชียร์ว่า จะถูกเสนอชื่อเป็นประธานสภาฯ ในสภาฯชุดนี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับพรรคที่จะเสนอชื่อใคร และก็ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมสภาฯด้วยว่า จะลงมติเลือกหรือไม่ แต่สาระสำคัญไม่ใช่อยู่ใครได้เป็นประธานสภา
ส่วนตัวผมก็มีคนเชียร์ว่า จะถูกเสนอชื่อเป็นประธานสภาฯ ในสภาฯชุดนี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับพรรคที่จะเสนอชื่อใคร และก็ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมสภาฯด้วยว่า จะลงมติเลือกหรือไม่ แต่สาระสำคัญไม่ใช่อยู่ใครได้เป็นประธานสภาฯ เพราะความสำคัญอยู่ที่การที่สภาฯได้เริ่มทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนที่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งมาได้เมื่อใดมากกว่า
ทั้งนี้นายสุชาติ ยังได้กล่าวถึงวาระของ พรรคก้าวไกล ที่ต้องการทำให้สภาฯมีความโปร่งใส เปิดเผย ตรวจสอบได้ว่าในสภาฯชุดที่ผ่านมา การประชุมสภาฯ จะมีการถ่ายทอดสดการประชุมทุกครั้งทางสถานีวิทยุรัฐสภา และถ่ายทอดทางโทรทัศน์รัฐสภา TPTV ช่อง 10 รวมทั้งผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆตลอด 4 ปี ส่วนการประชุมของคณะกรรมาธิการนั้น จะมีทั้งข้อมูลที่เปิดเผยได้ และเปิดเผยไม่ได้ การประชุมใดจะเป็นการลับ หรือเป็นการเปิดเผยจึงขึ้นอยู่กับมติของสมาชิกคณะกรรมาธิการนั้นๆ
ส่วนตามกระแสข่าวหากพรรคเพื่อไทยได้โควตาประธานสภาฯจริง นายสุชาติระบุอาจได้รับการเสนอชื่อ นายสุชาติ กล่าวว่า การลงมติเลือกผู้ทำหน้าที่ประธานสภาฯ ไม่ใช่เรื่องของพรรคการเมืองใด แต่เป็นการลงมติร่วมกันของ ส.ส.ทั้งสภาฯ ทั้งรัฐบาล และฝ่ายค้าน ส่วนตัวไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งและไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นอุปสรรคที่อาจทำให้การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า เพราะปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนรอไม่ได้ จึงอยากฝากไปถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้เร่งพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง เพื่อให้สภาเดินหน้าการทำงานได้โดยเร็ว