ยึดโล่เยาวชนดีเด่น นาธาน จ่อฟันแพ่ง-อาญาซ้ำ
พม.ยึดรางวัล เยาวชนดีเด่นปี 49 นาธาน โอร์มาน แจ้งเท็จวันเดือนปีเกิด ให้สำนึกเองคืนโล่พระราชทานหรือไม่ สั่งเข้มเกณฑ์พิจารณาใหม่ อิสสระ สั่งฝ่ายกฎหมายฟันแพ่ง-อาญาจอมลวงโลก พ่วง 2 พีอาร์บริษัทอาร์เอส ฐานสมรู้ร่วมคิด
เมื่อเวลา 16.15 น. วันที่ 4 มกราคม ที่สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายกิตติ สมานไทย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพฯ แถลงภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการสรรหาและเชิดชูเด็กและเยาวนดีเด่นแห่งชาติ และผู้ทำคุณประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชน ครั้งที่ 1/2553 โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
นายกิตติ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติให้ถอดถอนสิทธินายนาธาน โอร์มาน ออกจากการเป็นเยาวชนดีเด่นแห่งชาติปี 2549 เนื่องจากหลักฐานที่ส่งมาให้พิจารณาครั้งแรกได้ข้อมูลว่าเกิดวันที่ 14 พฤษภาคม 2526 แต่เมื่อได้ข้อมูลใหม่และตรวจสอบกลับไปยังสำนักงานเขตวัฒนา กลับพบข้อมูลว่า นายนาธานเกิด เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2519 ซึ่งขณะนั้นมีอายุ 30 ปี จึงขาดคุณสมบัติ เนื่องจากอายุเกิน 25 ปี ส่วนโล่พระราชทานที่ได้รับและจะคืนหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวเอง
"ส่วนเรื่องการเอาผิดปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติกรของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ดำเนินการต่อไป กรณีของนายนาธานถือเป็นรายแรกที่ถูกถอดถอน" นายกิตติ กล่าว
ส่วนบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) จะมีความผิดหรือไม่นั้น นายกิตติ กล่าวว่า บริษัทอาร์เอส ทำหนังสือขอโทษและชี้แจงมาแล้วว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้ประวัติของนายนาธานคลาด เคลื่อน แต่ประวัติที่ส่งมาได้สอบถามจากตัวศิลปินเอง และทำเช่นนี้ทุกปี ดังนั้นคณะอนุกรรมการจึงให้เกียรติ และไม่ตัดสิทธิการเสนอชื่อในครั้งต่อไป ส่วนการตรวจสอบผู้ที่เคยได้รับรางวัลเยาวชนดีเด่นแห่งชาติย้อนหลังนั้น จะตรวจสอบย้อนหลังภายใน 10 ปี
นายอิสสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า มอบให้ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ดำเนินการทางกฎหมาย เนื่องจากพบหลักฐานผู้ที่เสนอให้นายนาธานได้ รับรางวัลเยาวชนดีเด่นคือ น.ส.รุ้งตะวัน สงวนพงศ์ ผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์องค์กร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้เสนอชื่อ และ น.ส.ณัจยา ชาญกล อดีตผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ในฐานะผู้เซ็นรับรอง
ส่วนนายนาธานแม้ เจ้าตัวจะไม่ได้เซ็นชื่อเสนอและรับรองตัวเองก็ไม่สามารถปฏิเสธความผิดได้ เนื่องจากรู้ตัวอยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติ แต่กลับไม่ปฏิเสธเข้ารับรางวัล ทั้งยังสมยอม สมรู้ร่วมคิดในการให้ข้อมูลเท็จ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าข่ายสมรู้ร่วมคิดหลอกลวงด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ โดยจะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา
"ยอมรับว่าระเบียบหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกที่ผ่านมามีช่องโหว่ สามารถเปิดทางให้ผู้อื่น หรือตัวเอง เสนอชื่อเพื่อเข้ารับรางวัลได้ ดังนั้นจำเป็นต้องมีการแก้ไขระเบียบหลักเกณฑ์ใหม่ เพื่ออุดช่องโหว่" นายอิสสระ กล่าว
ด้าน น.ส.นุสรา คงสุจริต ผู้อำนวยการสายงานสื่อสารองค์กร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้คุยกับคณะอนุกรรมการเบื้องต้นทางโทรศัพท์เท่านั้น ซึ่งตัวต้นฉบับของเอกสารเดิมเป็นลายมือของนายนาธานที่ ได้กรอกข้อมูลไว้ ซึ่งอาร์เอสได้นำมาจัดพิมพ์ให้เท่านั้น ทั้งนี้เชื่อว่ากระทรวงน่าจะเข้าใจ เนื่องจากอาร์เอสเองก็ไม่เคยเจอกรณีเช่นนี้มาก่อน
ส่วนที่กระทรวงเตรียมดำเนินคดีต่อ น.ส.รุ้งตะวัน และ น.ส.ณัจยา บริษัทยังไม่ได้รับการยืนยันการฟ้องเป็นลายลักษณ์อักษร จึงไม่สามารถที่จะกล่าวโทษได้ว่าเป็นความผิดของพนักงาน
