ชวน จี้ บรรหาร พูดให้ชัด อดีตนายกฯแทรกแซง กกต.
"ชวน" ระบุ"บรรหาร" พูดให้ชัด อดีตนายกฯคนไหนแทรกแซงกกต.ขอไม่ยุบปชป. ยันพรรคไม่มีวิ่งเต้น สู้ตามข้อเท็จจริง เชื่อกกต.ปัจจุบันมีความเป็นธรรม
นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่ามีอดีตนายกฯขอร้องให้ กกต.ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ว่า คงต้องให้ท่านระบุออกมาถ้ามีจริงๆ ก็ถือว่าชั่วร้าย เลวร้าย และคงต้องให้ท่านช่วยสืบเสาะว่าใครทำอย่างนั้น แต่โดยส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องพวกนี้เพราะไม่มีใครกล้าไปทำอย่างนั้น โดยเฉพาะประชาธิปัตย์จะไปวิ่งเต้นอะไรเราไม่ทำ ก็สู้ไปตามข้อเท็จจริง แต่ใครพูดอะไรมาก็อยากให้รับผิดชอบให้ระบุชัดเจน เพราะถ้าเป็นความจริงสามารถที่จะนำมากล่าวหาได้ และถ้าเป็นเรื่องจริง คนพูดก็ไม่ผิด แต่ถ้าไม่จริง คนพูดก็ผิด
นายชวน กล่าวอีก อดีตนายกฯ มีไม่กี่คน ดังนั้นหาไม่ยาก สามารถระบุวันเวลาได้ วันไหนไปพบใครที่ไหน แต่ไม่ควรจะปล่อย ควรเอาเรื่องต่อไปเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างว่าผู้ใหญ่ไปบอกเรื่องนี้ซึ่งไม่ถูก แต่องค์กรก็สามารถแถลงได้ว่ามีมูลความจริงหรือไม่ ซึ่งก็ควรต้องติดตามไม่ควรปล่อย เพราะอดีตนายกฯยังมีอยู่ไม่กี่คนสามารถสอบถามได้
ถามว่า คิดว่าศาลรัฐธรรมนูญและกกต.ชุดปัจจุบัน ในสายตาท่านเป็นอย่างไร นายชวน กล่าวว่า ตนคิดว่าตุลาการศาลรธน.ชุดปัจจุบันเป็นชุดที่มีความเป็นธรรม เพราะมีคนวิ่งเต้นไม่สำเร็จก็เลยพาลต่อว่าแต่โดยภาพรวมตนคิดว่าดี เป็นชุดที่คนพยายามวิ่งเต้นแต่ทำไม่ได้ก็เลยทำให้คนบางกลุ่มไม่พอใจพูดถึงในทางลบ เหมือนกับกกต.ชุดปัจจุบันตนยังมองว่ามีความเป็นธรรมแต่จะทนแรงกดดันจากการคุกคาม วิพากษ์วิจารณ์ให้เกิดความหวั่นไหวได้หรือไม่เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามหลายคนแสดงความเป็นห่วงเพราะมีคนพูดดักหน้าไว้ก่อนว่าถ้าไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ก็แสดงว่ามีอย่างนั้น อย่างนี้ ซึ่งไม่ถูก และแนวของพรรคเราก็ไม่ทำอย่างนั้น
เพราะเรายึดมั่นและเคารพกติกาจึงต้องระมัดระวังในการทำอะไร เพื่อไม่ให้ผิดกฎหมายซึ่งคนที่เคารพกฎเกณฑ์ก็จะเสียเปรียบเสมอ แต่เมื่อเรามีองค์กรอย่างนี้ขึ้นมาองค์กรเหล่านี้วินิจฉัยอย่างไรก็ต้องยอมรับ ขณะเดียวกันเมื่อมีแรงกดดันจากฝ่ายการเมืองและสื่อ ดังนั้นก็อยากให้ กกต.มีความแน่วแน่ มั่นคง เพราะคำพูดของผู้วิจารณ์หลายคนชอบหมิ่นประมาทประธานกกต.ชัดเจน
ถามว่า กังวลหรือไม่เพราะเจ้าหน้าที่ระดับคณะทำงานบางคนยังเป็นคนยุคสมัย พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธานกกต. นายชวน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่บางคนมีความกังวลเพราะเคยได้ยินคนใน กกต.ออกมายอมรับว่าในองค์กรของเขามีคนบางส่วนเป็นเครื่องมือ ทั้งโดยผลประโยชน์และโดยอื่นๆ ทำให้คนเหล่านี้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง แทนที่หน่วยงานซึ่งตรวจสอบการทุจริตเรื่องเลือกตั้ง แต่กลับกลายเป็นร่วมสมคบในการทุจริตด้วย เช่น แก้ไขข้อมูลในคอมพิวเตอร์ในสมัยที่มีการใส่ชื่อบุคคลที่ไม่มีสิทธิ์เข้าไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก ถือว่าเป็นเรื่องไม่ธรรมดาเพราะกลายเป็นว่าหน่วยงานที่มีหน้าที่ทำให้บริสุทธิ์ยุติธรรมไปวางแผนร่วมในการโกง ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัว คิดว่าภายในองค์กรคนประเภทนี้น่าจะยังเหลืออยู่มากและมีคนให้ข้อคิดอยู่เสมอว่ากกต. 5 ท่านก็ไม่สามารถเข้าไปทำอะไรได้ เพราะไม่รู้จักคนทั้งหมด เท่าที่ทราบมีคนที่ประพฤติอย่างนั้นอยู่แม้ว่าอาจจะไม่ใช่ส่วนใหญ่ แต่คนที่หวังดีก็เตือนเสมอว่ายังมีคนที่เป็นมือเป็นไม้ หรือเป็นเครื่องมือของคนภายนอกองค์กร แต่อย่างไรก็ตามเรื่องเงินบริจาค 258 ล้านมีกระบวนการที่จะวินิจฉัยอยู่ยังไม่จบง่ายๆ ก็ต้องว่ากันต่อไป แต่ผลการวินิจฉัยจบแล้วก็อาจจะพิสูจน์ว่าใครวินิจฉัยอย่างไร ถูกหรือไม่อย่างไร