อาม่า ขอเสื้อเกราะกลับบ้าน! สังกัดชี้ พ.ต.ต.ผิดวินัยร้ายแรง

อาม่า ขอเสื้อเกราะกลับบ้าน! สังกัดชี้ พ.ต.ต.ผิดวินัยร้ายแรง

อาม่า ขอเสื้อเกราะกลับบ้าน! สังกัดชี้ พ.ต.ต.ผิดวินัยร้ายแรง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หญิงวัย60ปี เหยื่อ"พ.ต.ต.อรรถวุฒิ กิจคาม"กับพวกรุมตื้บ ขอเสื้อเกราะใส่กลับบ้าน "พงศพัศ"สั่งคุ้มกัน เผยออกหมายจับอีก1 ต้นสังกัดชี้ผิดร้ายแรง

จากกรณี นางธนิดา ศรีสุวรรณ อายุ 60 ปี ผู้เสียหายที่ถูก พ.ต.ต.อรรถวุฒิ กิจคาม สวป.สภ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร ช่วยราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับพวกรวม 10 คน ทำร้ายร่างกายบน สน.เพชรเกษม จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อคืนวันที่ 29 พ.ย.2552 โดยสาเหตุจากเคลียร์เรื่องบุกรุกบ้านเลขที่ 11/69 หมู่บ้านนาราศิริ ถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตบางแค กทม.ของนางธนิดา ไม่ได้ แต่หลังก่อเหตุ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ถูกตำรวจ สน.เพชรเกษม จับกุมตัวเอาไว้ได้ทันที และ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ กิตติชัยเดช ตำรวจอีก 1 นาย เดินทางเข้ามอบตัวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 5 ม.ค. พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษก ตร. พร้อม นพ.ประภาศน์ รัชตะสัมฤทธิ์ ผอ.โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ได้เดินทางเข้าเยี่ยม นางธนิดา ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยศัลยกรรม ชั้น 15 ของโรงพยาบาลเป็นวันสุดท้าย พร้อมมอบคุกกี้เป็นของขวัญปีใหม่ให้ ส่วนนางธนิดา ก็ได้มอบ ส.ค.ส.เป็นของขวัญปีใหม่ตอบแทน พล.ต.ท.พงศพัศ เช่นกัน ก่อนที่ทางโรงพยาบาลจะจัดรถพยาบาลไปส่งนางธนิดา ที่บ้านพัก

นางธนิดา เปิดเผยว่า ขณะนี้อาการบาดเจ็บทางร่างกายดีขึ้น แผลฟกช้ำที่หลังก็ดีขึ้นมากแล้ว เหลือเพียงแค่สายตาที่ยังเป็นปัญหามองเห็นภาพซ้อน ยังอ่านหนังสือไม่ได้ ท่องบดสวดมนต์ก็ไม่ได้ ส่วนสภาพจิตใจของตัวเองดีขึ้น ยิ่ง พล.ต.ท.พงศพัศ เดินทางมารับกลับบ้านด้วย ตัวเองรู้สึกดีใจ ขอขอบคุณแพทย์และพยาบาลที่คอยดูแลเป็นอย่างดีมาโดยตลอด หลังจากนี้จะกลับบ้านไปพักอยู่กับลูกชายที่ย่านวัดพระยาไกร แต่ยังเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของครอบครัวในช่วงหลังจากนี้ เพราะกลัวว่าจะได้รับอันตราย ถ้าเป็นไปได้ขอเสื้อเกราะเพราะหลังจากหายดีแล้วต้องขับรถไปทำธุรกิจเอง

ด้านพล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวขอบคุณคณะแพทย์และโรงพยาบาลที่ดูแลนางธนิดา เป็นอย่างดี รวมทั้งจัดรถพยาบาลไปส่งถึงบ้าน ส่วนเรื่องความปลอดภัย ได้สั่งการให้ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร ไปดูแลความปลอดภัยให้อีกระยะหนึ่งจนกว่านางธนิดา จะสบายใจ ส่วนความคืบหน้าทางคดีนั้น ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม เดินทางไปขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุจากศาลอาญาธนบุรี เพิ่มอีก 1 คนคือ ชายไทยไม่ทราบชื่อตามภาพสเก็ตช์ ตามหมายจับศาลอาญาบุรี เลขที่ 3/2553 ลงวันที่ 4 ม.ค.53 ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ได้รับการทำร้ายร่างกายได้รับอันตรายสาหัส และร่วมกันทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และทางสน.เพชรเกษม ก็อยู่ระหว่างดำนเนินการจับกุมมาดำเนินคดี

พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวต่อว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องในดคีนี้เรียบร้อยหมดแล้ว เหลือเพียงสอบปากคำนางธนิดาเพิ่มเป็นปากสุดท้าย ซึ่งภายหลังที่นางธนิดา เดินทางกลับไปพักฟี้นที่บ้านแล้ว พนักงานสอบสวนจะเดินทางไปสอบปากคำ ก่อนจะสรุปสำนวนและมีความเห็นส่งไปยังพนักงานอัยการต่อไปภายสัปดาห์นี้ ซึ่งตนยังระบุไม่ได้ว่ามีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ เพราะไม่ได้เป็นพนักงานสอบสวน

"เรื่องการเอาผิดทางวินัยนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้เงียบเฉยหรือละเลย ใครทำผิดก็ต้องได้รับโทษ โดยทางต้นสังกัดของ พ.ต.ต.อรรถวุฒิ คือ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 กับต้นสังกัดของ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ คือ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ส่งสำนวนการสืบสวนมาที่กองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว มีความเห็นว่า พฤติกรรมของตำรวจทั้งสองนายนั้น สมควรจะต้องถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง มีโทษไล่ออกกับปลดออกเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ทางกองวินัย กำลังพิจารณาผลการสืบสวน เพื่อมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงต่อไป" พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook